สถาบันโรคทรวงอก กรมการแพทย์ แนะผู้ป่วยวัณโรคที่ติดเชื้อไวรัสเอชไอวี ควรปฏิบัติตนตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด เพื่อป้องกัน ควบคุมการแพร่กระจายเชื้อสู่ผู้อื่น
นายแพทย์ณัฐพงศ์ วงศ์วิวัฒน์ รองอธิบดีกรมการแพทย์ เปิดเผยว่า ผู้ที่ติดเชื้อไวรัสเอชไอวี (เอดส์) จะมีภูมิต้านทานในร่างกายที่อ่อนแอ ทำให้มีโอกาสในการติดเชื้อต่างๆ รวมทั้งเชื้อวัณโรคได้ง่าย หากผู้ป่วยวัณโรคมีการติดเชื้อเอชไอวีร่วมด้วย จะทำให้เชื้อวัณโรคมีอาการที่รุนแรงมากขึ้นกว่าปกติ คือ มีไข้ยาวนานกว่าปกติ น้ำหนักตัวลดลงมากกว่า การแพร่กระจายของวัณโรคปอดไปยังอวัยวะอื่นๆมากกว่า เช่น เยื่อหุ้มสมอง กระดูก หรือต่อมน้ำเหลือง ไอเป็นเลือด หอบเหนื่อย เจ็บหน้าอก นอกจากนี้อาจเกิดอาการข้างเคียงจากยาที่รักษาวัณโรค เช่น การแพ้ยา ภาวะดื้อยา และอาจเสียชีวิตจากการติดเชื้อเอชไอวี ดังนั้นหากพบว่าผู้ป่วยติดเชื้อวัณโรคปอด แพทย์จะแนะนำให้ตรวจหาเชื้อเอชไอวี เพื่อวางแผนการรักษาต่อไป
แพทย์หญิงวิพรรณ สังคหะพงศ์ ผู้อำนวยการสถาบันโรคทรวงอก กรมการแพทย์ กล่าวว่า สำหรับการรักษาวัณโรคในปัจจุบันจะให้การรักษาระยะสั้นประมาณ 6 เดือน หากผู้ป่วยได้รับการรักษาจนครบกำหนดและไม่ดื้อยา พบว่ามีโอกาสหายขาดมากกว่าร้อยละ 95 แต่ปัญหาที่พบคือ ผู้ป่วยที่แพ้ยาง่ายและไม่มา รับการรักษาอย่างสม่ำเสมอ ทำให้เกิดโรคแทรกซ้อน และการรักษาขาดความต่อเนื่อง ส่วนการรักษาเชื้อไวรัสเอชไอวีไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ การให้ยาต้านไวรัส เพื่อชะลอความเสียหายที่จะเกิดกับระบบภูมิคุ้มกันในร่างกาย ดังนั้นผู้ป่วยวัณโรคที่ติดเชื้อไวรัสเอชไอวีจึงควรปฏิบัติตนตามคำแนะนำต่างๆอย่างเคร่งครัด ดังนี้ 1. รับประทานยาสม่ำเสมอตามแพทย์สั่ง และสังเกตผลข้างเคียงที่เกิดจากการรับประทานยารักษาวัณโรค 2. รับประทานอาหารให้ถูกสุขลักษณะ และพักผ่อนให้เพียงพอ 3. ไม่คลุกคลีใกล้ชิดกับผู้อื่นเป็นเวลา อย่างน้อย 2 สัปดาห์ หรือ จนกว่าอาการไอจะลดลงหรือหายไป 4. ปิดปาก จมูก เวลาไอ จาม และบ้วนเสมหะ ในภาชนะที่มีฝาปิดมิดชิด 5. สวมถุงยางอนามัยทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์ 6. งดบริจาคเลือดและอวัยวะต่างๆ 7. งดสิ่งเสพติดทุกชนิด 8. ควรพบแพทย์ตามนัดทุกครั้ง