กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ พัฒนาห้องปฏิบัติการควบคุมคุณภาพยา สนับสนุนมาตรฐานการผลิตยาในประเทศ

กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์พัฒนาศักยภาพห้องปฏิบัติการควบคุมคุณภาพยา สนับสนุนการพัฒนามาตรฐานการผลิตยา Biopharmaceutical ในประเทศ อาทิ ยารักษาโรคมะเร็ง เพื่อลดการนำเข้ายาจากต่างประเทศและเพิ่มการเข้าถึงยาให้กับประชาชน

นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กล่าวว่า ปัจจุบันปริมาณการใช้ยาที่ผลิตโดยเทคโนโลยีชีวภาพหรือยาชีววัตถุมีความต้องการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งยาชีววัตถุคล้ายคลึง (Biosimilars) ซึ่งมีราคาที่ถูกกว่ายาต้นแบบจึงทำให้มีความต้องการสูงในการรักษาผู้ป่วย กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์มีหน้าที่หลักในฐานะหน่วยงานห้องปฏิบัติการและมีหน้าที่โดยตรงในการตรวจวิเคราะห์เพื่อควบคุมคุณภาพยา Biopharmaceutical ที่ผลิตโดยเทคโนโลยีชีวภาพ จึงได้พัฒนาศักยภาพห้องปฏิบัติการควบคุมคุณภาพโดยการพัฒนาวิธีวิเคราะห์สำหรับผลิตภัณฑ์ Biopharmaceutical ชนิด ยาโมโนโคลนอลแอนติบอดี (Monoclonal antibody) ริทูซิแมบ (Rituximab ยาเพกฟิลกราสทิม (Peg-filgrastim) และรีคอมบิแนนท์ โกรทฮอร์โมน (Recombinant growth hormone) ขึ้น ทำให้ห้องปฏิบัติการของกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์มีศักยภาพในการควบคุมดูแลคุณภาพของยากลุ่มนี้ทั้งก่อนและหลังจำหน่ายออกสู่ท้องตลาด นอกจากนี้ยังสามารถช่วยสนับสนุนการควบคุมคุณภาพการผลิตของผู้ผลิตภายในประเทศ โดยการถ่ายทอดความรู้และเทคนิควิธีที่พัฒนาขึ้น รวมทั้งการเตรียมความพร้อมรับการตรวจวิเคราะห์เพื่อประกอบการขึ้นทะเบียนตำรับยาให้กับผู้ผลิตภายในประเทศ เป็นการส่งเสริมสนับสนุนอุตสาหกรรมการผลิตภายในประเทศ ลดการนำเข้ายาและเพิ่มการเข้าถึงยาให้กับประชาชน ซึ่งมูลค่าของการนำเข้ายาทั้ง 3 ผลิตภัณฑ์นี้ในแต่ละปีมีมูลค่าการนำเข้าประมาณปีละมากกว่า 1,500 ล้านบาท

ทั้งนี้ยาริทูซิแมบ (Rituximab) เป็นยาที่ใช้ในการรักษามะเร็งต่อมน้ำเหลืองชนิดนอนฮอดจ์กิน หรือใช้รักษาโรคข้อรูมาตอยด์ โดยยามีการทำงานเลียนแบบการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันในร่างกาย มีฤทธิ์การทำงานแบบจำเพาะเจาะจงต่อแอนติเจนชนิดหนึ่งๆ อย่างจำเพาะ สำหรับยาเพก-ฟิลกราสทิม (Peg-filgrastim) ใช้สำหรับรักษาผู้ป่วยที่มีอาการเม็ดเลือดขาวต่ำ ที่มีสาเหตุจากการใช้ยาเคมีบำบัดในการรักษาโรคมะเร็งหรือจากสาเหตุอื่นเพื่อกระตุ้นให้ร่างกายสร้างเม็ดเลือดขาวบำบัด ส่วนยารีคอมบิแนนท์ โกรทฮอร์โมน (Recombinant growth hormone) ยานี้ใช้สําหรับผู้ป่วยโรคไตวายเรื้อรัง โรคเอดส์ และเด็กตัวเตี้ยกว่าเกณฑ์ ซึ่งยานี้สามารถช่วยเพิ่มมวลกล้ามเนื้อ สร้างความแข็งแรงของร่างกาย ทําให้มีภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้น ช่วยให้ผู้ป่วยสามารถดํารงชีวิตอยู่ได้นานขึ้น

“กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ยังคงมีการพัฒนาต่อยอดในการพัฒนาวิธีวิเคราะห์สำหรับผลิตภัณฑ์ Biopharmaceutical เพิ่มมากขึ้น เพื่อให้ทันต่อการผลิตผลิตภัณฑ์ใหม่ๆของภาคอุตสาหกรรมของต่างประเทศด้วยเพื่อให้องค์ความรู้เหล่านี้ สามารถนำมาใช้ช่วยส่งเสริมภาคอุตสาหกรรมการผลิตผลิตภัณฑ์ยา Biopharmaceutical ของประเทศไทย ซึ่งจะช่วยประหยัดงบประมาณในการจัดซื้อยาของประเทศได้มากและการผลิตยากลุ่มนี้ในประเทศยังสามารถช่วยในเรื่องของการส่งออกเพื่อนำเงินตราเข้าประเทศได้อีกทางหนึ่งด้วย” นายแพทย์โอภาส กล่าวทิ้งท้าย

……………………………………………..

กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์

28 กันยายน 2562