26 กันยายน 2562 เวลาอินเดีย 8.30 น. นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า มีโปรแกรมที่จะพบภาคธุรกิจของอินเดียหลายรายการในช่วงระยะเวลา 3 วันตั้งแต่วันที่ 25-26-27 โดยรายการแรก คือ การพบปะ Mr.Kishire Biyani ซึ่งเป็นเจ้าของซุปเปอร์มาร์เก็ตรายใหญ่ หนึ่งของอินเดีย ชื่อฟู้ดฮอลล์และบิ๊กบาร์ซ่ามีสาขา 2,000 สาขาทั่วประเทศอินเดียใน 400 เมืองมีลูกค้าประมาณ 600 ล้านคน สำหรับฟู้ดฮอลล์และบิ๊กบาร์ซ่าซึ่งเป็นเครือของฟิวเจอร์กรุ๊ป นำเข้าสินค้าอาหารจากประเทศไทยเป็นหลักปีละ 35 ล้านบาทโดยประมาณถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นเพราะตลาดอินเดียเป็นตลาดใหม่สำหรับประเทศไทย ครั้งนี้ถือได้ว่าเป็นครั้งแรกแรก และขณะนี้มีโอกาสที่จะเพิ่มขึ้น
และการที่รองนายกรัฐมนตรีมาพบกับภาคเอกชนอินเดียโดยตรง ถือว่ามาเปิดประวัติศาสตร์หน้าใหม่ทางการค้าประเทศไทยกับประเทศอินเดีย Mr. Biyani อยากให้ทางเรามาจากเทศกาลสินค้ากับทางอินเดียบ่อยๆ รวมทั้งมีหลายประเทศที่จัดเทศกาล ทำให้ยอดขายเพิ่มขึ้นเป็นหลายเท่าตัว โดย outlet ของเขาขายได้ดี อยากให้สินค้าของประเทศไทยเข้ามาเพิ่มเติมนอกจากสินค้าประเภทอาหาร ประเทศไทยควรมาจัดให้ถี่ครั้งขึ้น โดยเฉพาะเวชสำอางและเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน เฟอร์นิเจอร์ สิ่งของตกแต่งบ้าน เป็นต้น ซึ่งไม่ใช่อาหารเพราะฉะนั้นสะท้อนให้เห็นว่าสินค้าตลาดค้าปลีกของอินเดีย มีอนาคตทั้งที่เป็นอาหารและไม่ใช่อาหาร เราจะกลับไปดูว่ามีสินค้าอะไรบ้างที่จะมีอนาคตสำหรับอินเดีย
ส่วนการส่งออกมาที่ประเทศอินเดียเราก็มีสินค้าหลายอย่าง อัญมณี เครื่องประดับ ก็แสดงให้เห็นว่าตลาดใหม่ที่เราอยากที่จะมาบุกเบิกอย่างตลาดยางล้อ ยางพารา เป็นต้น และการลงนาม MOU ระหว่างภาคเอกชนไทยกับอินเดียรวม 3 ฉบับนั้นมีมูลค่าพอสมควร สำหรับภาคเอกชนของอินเดียที่จะมาสัมมนาร่วมกับเราจะมาจับคู่ทางการค้ากับเรา โดยอินเดียมีมาประมาณ 150 บริษัท ส่วนทางไทยเรามี 30 บริษัท รวมทั้งองค์กรและบริษัทถือว่าเป็นสัญญาณที่ดีสำหรับอนาคต
รายงานข่าวแจ้งว่า สำหรับภารกิจวันที่ 25 กันยายน เพียงวันเดียวในมุมไบ ต่อโครงการผู้บริหารกระทรวงพาณิชย์ระดับสูงและคณะผู้แทนการค้าภาคเอกชนเดินทางเยือนอินเดีย นำโดยกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ สามารถสร้างมูลค่าทางการค้าได้ทั้งหมดร่วม 4,000 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นการลงนามข้อตกลง MOU ระหว่างสมาคมธุรกิจไทยกับผู้ซื้อจากอินเดีย 2,600 ล้านบาท และตลอดทั้งวันหลังการเปิดงานสัมมนาได้ มีกิจกรรม เจรจาการค้าสร้างเครือข่ายธุรกิจระหว่างภาคเอกชนไทยและอินเดียโดยจับคู่ธุรกิจเป็นรายสินค้า (Matching &Networking )จนเมื่อช่วงค่ำของวันที่ 25 กันยายน 2562 ที่ผ่านมารวมมูลค่าเฉพาะการ Matching คู่ค้ารวมมูลค่ากว่า 1,300 ล้านบาท ทำให้ยอดการเจรจาเพียงวันเดียวทะลุ ร่วมเกือบ 4,000 ล้านบาท
และวันที่ 26กันยายน2562 นายจุรินทร์ ยังมีภารกิจที่ผู้ประกอบการที่ลงทุนในประเทศอินเดียเข้าพบเพื่อรายงานปัญหาอุปสรรค และมีประธานอุตสาหกรรมแห่งบอมเบย์เข้าพบเพื่อรายงานผลการเจรจาการค้า โดยนายจุรินทร์ยังมีภารกิจสำคัญในวันที่ 27 กันยายน 2562 เดินทางไปเมืองเจนไน เพื่อเปิดสัมมนาโอกาสใหม่ทางธุรกิจและอุตสาหกรรมยางระหว่างไทยกับอินเดีย พร้อมกิจกรรมเสริมสร้างเครือข่ายธุรกิจและจะมีการทำข้อตกลง MOU หลายรายการที่เป็นมูลค่าทางการค้าในพื้นที่อินเดียตอนใต้ นั่นคือเมืองเจนไน