นางมารศรี ใจรังษี เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม ได้เผยสถิติ การแจ้งขึ้นทะเบียนและแจ้งการสิ้นสุดความเป็นผู้ประกันตนไม่เป็นไปตามพระราชบัญญัติประกันสังคม พ.ศ. 2533 ของสถานประกอบการในระบบประกันสังคม ตั้งแต่เดือนตุลาคม – ธันวาคม 2567 จากสำนักงานประกันสังคมกรุงเทพมหานครพื้นที่/จังหวัด/สาขา ทั่วประเทศ พบสถานประกอบการที่แจ้งขึ้นทะเบียนและแจ้งการสิ้นสุดความเป็นผู้ประกันตนล่าช้าเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด จำนวน 32,604 แห่ง มีผู้ประกันตน จำนวน 140,071 ราย
เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม กล่าวว่า การแจ้งขึ้นทะเบียนและแจ้งการสิ้นสุดความเป็นผู้ประกันตนไม่เป็นไปตามพระราชบัญญัติประกันสังคม พ.ศ. 2533 หรือล่าช้าเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด นั้น จะส่งผลกระทบโดยตรงต่อผู้ประกันตน ให้ได้รับสิทธิประโยชน์ทดแทนในกรณีต่างๆ ล่าช้า และในบางกรณียังทำให้สำนักงานประกันสังคมจ่ายสิทธิประโยชน์เกินสิทธิ รวมถึงการจ่ายค่ารักษาพยาบาลเกินจากความเป็นจริงอีกด้วย จึงได้สั่งการให้สำนักงานประกันสังคมกรุงเทพมหานครพื้นที่/จังหวัด/สาขา ทั่วประเทศ ทั้ง 138 แห่ง ดำเนินการออกหนังสือเชิญให้นายจ้างทั้ง 32,604 แห่ง จากคำชี้แจงของนายจ้างที่เข้าพบเจ้าหน้าที่ พบสาเหตุการขึ้นทะเบียนและแจ้งการสิ้นสุดความเป็นผู้ประกันตนล่าช้าเกินกว่าที่กฎหมายกำหนดหลายกรณี เช่น ผู้ประกันตนลาออกจากงานโดยไม่ได้แจ้งนายจ้าง รวมถึงการที่นายจ้างส่งเงินสมทบแต่ไม่ได้แจ้งขึ้นทะเบียนเป็นผู้ประกันตนให้ลูกจ้าง เป็นต้น ในการนี้ สำนักงานประกันสังคมได้ดำเนินการเปรียบเทียบปรับนายจ้างทั้งหมด 17 แห่ง คิดเป็นเงินค่าปรับรวมกว่า 2 แสนบาท
นางมารศรี ยังได้กล่าวย้ำต่อนายจ้าง ผู้ประกอบการ ถึงการขึ้นทะเบียนและแจ้งการสิ้นสุดความเป็นผู้ประกันตนภายในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด โดยให้นายจ้างแจ้งขึ้นทะเบียนลูกจ้างทุกครั้งที่ลูกจ้างมีการเข้าทำงานภายใน 30 วัน และแจ้งออกจากงาน ภายในวันที่ 15 ของเดือนถัดไป ซึ่งในปัจจุบันสำนักงานประกันสังคมได้อำนวยความสะดวกแก่นายจ้าง โดยการเพิ่มช่องทางให้สามารถส่งข้อมูลผ่านระบบ e-Service ของสำนักงานประกันสังคม ที่เว็บไซต์ www.sso.go.th หรือหากมีข้อสงสัย สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่สำนักงานประกันสังคมกรุงเทพมหานครพื้นที่/จังหวัด/สาขา ทั่วประเทศ รวมถึงสายด่วน 1506 ให้บริการทุกวัน ตลอด 24 ชั่วโมง