กรมทางหลวงประกาศจัดงาน “KM Festival 2025” ภายใต้แนวคิด “ทางหลวงก้าวหน้า นวัตกรรมก้าวไกล ขับเคลื่อนประเทศไทยสู่ความยั่งยืน มุ่งสู่ Net Zero สร้างสังคมคาร์บอนต่ำ” ในวันที่ 1 เมษายน 2568 โดยมุ่งมั่นสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ด้วยการเป็น “อิเวนต์แรกที่ปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์” (Carbon Neutral Event) สอดคล้องกับนโยบายรัฐบาลและแผนแม่บทของประเทศในการแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
นายอภิรัฐ ไชยวงศ์น้อย อธิบดีกรมทางหลวง กล่าวว่า “กรมทางหลวงตระหนักถึงความสำคัญของการแก้ไขปัญหาภาวะโลกเดือดและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ซึ่งเป็นวาระสำคัญระดับโลกและสอดคล้องกับเป้าหมาย SDGs 13 ของสหประชาชาติ โดยกรมทางหลวงได้กำหนดให้การดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อมเป็นหนึ่งในภารกิจหลักตามแผนยุทธศาสตร์กรมทางหลวงระยะ 5 ปี (พ.ศ. 2566 – 2570) เพื่อสนับสนุนนโยบายของรัฐบาลในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและมุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Greenhouse Gas Emission)”
การจัดงาน KM Festival 2025 ในรูปแบบ Carbon Neutral Event เป็นการแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของกรมทางหลวงในการดำเนินงานที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอย่างเป็นรูปธรรม โดยมีมาตรการสำคัญดังนี้:
การประเมินและชดเชยคาร์บอน: ดำเนินการประเมินปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากการจัดงาน และชดเชยด้วยการซื้อคาร์บอนเครดิต เพื่อให้การจัดงานปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์
การจัดการขยะอย่างยั่งยืน: นำขยะฝาขวดและขวดพลาสติกไปบริจาคให้โครงการ Green Road เพื่อแปรรูปเป็นวัสดุก่อสร้างที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
การส่งเสริมการใช้พลังงานสะอาด: สนับสนุนการใช้พลังงานสะอาดภายในงาน เช่น การใช้ไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์
นอกจากนี้ ภายในงานยังมีกิจกรรมที่น่าสนใจมากมาย อาทิ การจัดแสดงนิทรรศการนวัตกรรม การมอบรางวัลผลงานนวัตกรรม การฝึกอบรมการใช้ AI ในงานทาง เพื่อส่งเสริมการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้และนวัตกรรมด้านทางหลวงที่ยั่งยืน
“กรมทางหลวงขอเชิญชวนทุกท่านร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนการพัฒนาทางหลวงที่ยั่งยืนและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ในงาน KM Festival 2025 เพื่อร่วมกันสร้างสังคมคาร์บอนต่ำและอนาคตที่ยั่งยืนสำหรับประเทศไทย” นายอภิรัฐ กล่าว
กรมทางหลวงมุ่งมั่นที่จะดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาลและแผนแม่บทของประเทศอย่างเต็มที่ เพื่อสร้างความยั่งยืนให้กับโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมของประเทศไทย และร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของโลก