“นภินทร” เผย ด่านบ่อเต็น-โม่ฮาน พร้อม ! รับทุเรียนไทย, พร้อมข่าวดี จีน ขอเพิ่มปริมาณนำเข้าและขยายโอกาสการค้าสู่สิบสองปันนาต่อเนื่อง

รมช.พณ. นภินทร ลุย ด่านบ่อเต็น สปป.ลาว -ด่านโม่ฮาน สป.จีน เผยทั้งสองด่านพร้อมแล้วรับฤดูกาลทุเรียนไทย โดยมีมาตรการ “เพิ่มคน เพิ่มเวลาทำงาน เพิ่มอุปกรณ์ เพิ่มความถี่ส่งตัวอย่างไปยัง Lab และขยายช่องทางเข้าเป็น 12 ช่อง เชื่อการขนส่งทุเรียนไทยปีนี้คล่องตัว พร้อมข่าวดีผู้บริหาร สิบสองปันนาขอเพิ่มปริมาณนำเข้าทุเรียนและโอกาสทางการค้ากับไทยอย่างต่อเนื่อง

 

วันที่ 27 มีนาคม 2568 นายนภินทร ศรีสรรพางค์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ พร้อมคณะฯ ลงพื้นที่สำรวจความพร้อมที่ด่านบ่อเต็น-โม่ฮาน ชายแดนลาว-จีน โดยนายนภินทร เปิดเผยว่า “เส้นทางการขนส่งทางบกที่ ”ด่านบ่อเต็น-โม่ฮาน ชายแดนลาว-จีน“ เป็นเส้นทางที่ผู้ประกอบการไทยและผู้นำเข้าสินค้าไทยนิยมใช้ โดยเฉพาะการส่งผลไม้ที่มีจุดหมายมายังทางตอนใต้ และตะวันตกเฉียงใต้เข้าที่มณฑลยูนนาน เนื่องจากมีเส้นทางใกล้ใช้เวลาไม่นาน โดยในปี 2566 มีมูลค่านำเข้าสินค้าผ่านด่าน 77,000 ล้านบาท และปี 2567 มีมูลค่านำเข้าเพิ่มสูงถึง 112,000 ล้านบาท สำหรับปี 2568 มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นมาก โดยเฉพาะฤดูกาลผลผลิตทุเรียนของไทย ในช่วงเดือนพฤษภาคมนี้ คาดว่าจะมีตู้ขนส่งทุเรียนผ่านด่านบ่อเต็น-โม่ฮาน เพิ่มขึ้นสูงสุดถึง 400 ตู้ต่อวัน หรือ 1 ใน 3 ของปริมาณทุเรียนภาคตะวันออกของไทย พร้อมหารือการเตรียมความพร้อมในช่วงการขนส่งผลผลิตทุเรียนไทยที่กำลังจะมาถึง และแลกเปลี่ยนปัญหา อุปสรรคการขนส่งผลไม้”

นายนภินทร กล่าวเพิ่มเติมว่า “จากการพูดคุยกับผู้บริหารด่านบ่อเต็น พบว่าทางด่านมีความพร้อมและยินดีที่จะอำนวยความสะดวกให้สินค้าเกษตรผ่านแดน โดยเฉพาะผลไม้สดที่มาจากประเทศไทย โดยให้ผ่านช่องทางเฉพาะ เพื่อลดความแออัดจากตู้สินค้าอื่น และเมื่อถึงช่วงการขนส่งทุเรียนของไทย ทางด่านบ่อเต็น จะมี Contract Point ในการติดต่อประสานงานกับทางด่านโม่ฮานอย่างใกล้ชิด เพื่อแก้ไขปัญหาอุปสรรคได้อย่างทันที นอกจากนี้ ด่านบ่อเต็น ได้มีการเตรียมสถานที่สำหรับจอดพักรถบรรทุกซึ่งบรรจุได้ประมาณ 1200 ตู้ และได้มีการนำเทคโนโลยีมาใช้เพื่อการจ่ายค่าธรรมเนียมของผู้ประกอบการมีความสะดวกรวดเร็วทำให้เกิดความคล่องตัวในการขนส่งสินค้าผ่านแดนมากขึ้น โดยในช่วงพีคสุดที่หน้าด่าน ทางบ่อเต็นจะเร่งการตรวจโดยใช้ระยะเวลาให้สั้นลง จะมีการเพิ่มจำนวนเจ้าหน้าที่ และขยายระยะเวลาทำงานเพื่อให้ทันต่อปริมาณรถบรรทุก อีกทั้งยังจะเพิ่มอุปกรณ์ที่จะทำให้การตรวจสอบหน้าด่านทำได้โดยเร็วที่สุด“

นายนภินทร กล่าวต่อว่า “ในส่วนของ “ด่านโม่ฮาน” ก็มีความพร้อมสำหรับการเตรียมรับตู้ขนส่งของไทยที่จะเข้ามาเพิ่มขึ้นแล้ว และทางด่านยินดีที่จะอำนวยความสะดวกในการขนส่งตู้ของไทยเช่นกัน โดยในช่วงการตรวจต่างๆ ทางด่านโม่ฮานจะเพิ่มกำลังคน เพิ่มอุปกรณ์ เพิ่มเวลาในการทำงาน เพื่อลดความแออัดบริเวณหน้าด่าน และที่สำคัญจะเพิ่มความถี่ในการส่งตัวอย่างผลไม้ ไปตรวจที่ Lab ซึ่งจะทำให้ลดระยะเวลาการขนส่งได้เยอะ

นอกจากนี้ จะมีการเพิ่มช่องทางการเข้าด่านตรวจ ที่ปัจจุบันมี 10 ช่องทาง จะขยายเป็น 12 ช่องทาง ซึ่งอยู่ระหว่างการก่อสร้างขยายช่องทาง คาดว่าจะสร้างแล้วเสร็จและเปิดใช้งานภายในปีนี้ ซึ่งถือว่าทั้งสองด่านนี้มีความพร้อมในการช่วงทุเรียนไทยเราที่จะถึงอย่างแน่นอน“

ต่อมา รมช.นภินทรฯ นำคณะ เข้าพบหารือผู้บริหารสิบสองปันนา โดยได้เปิดเผยว่า ”นอกจากการพูดคุยที่บริเวณด่านของทั้งลาว (ด่านบ่อเต็น) และจีน (ด่านโม่ฮาน) แล้ว ยังได้มีการหารือกับผู้บริหารสิบสองปันนา ซึ่งเป็นเขตที่ดูแลการเข้าออกของด่านโม่ฮาน แฃะด่านอื่นที่มีความสำคัญทางการค้าของจีนเป็นอย่างมาก โดยทางได้หารือถึงการเตรียมความพร้อมรองรับทุเรียนไทย ซึ่งทางผู้บริหารสิบสองปันนา ยินดีที่จะอำนวยความสะดวกให้ไทย เพื่อเป็นการเชื่อมโยงการค้าระหว่างกัน โดยทางสิบสองปันนาต้องการขยายการค้าโดยการเพิ่มปริมาณการนำเข้าทุเรียนของไทย โดยปัจจุบันทุเรียนไทย เป็นสินค้าอันดับ 1 ในการนำเข้า จึงขอให้ฝ่ายไทยให้ความสำคัญในการปลูก และควบคุมคุณภาพมาตรฐาน ซึ่งตนได้ให้ความมั่นใจในส่วนนี้ว่าไทยเองมีมาตรการ 4 ไม่ กับทุเรียน คือ ไม่ตัดทุเรียนอ่อน ไม่มีหนอนหรือแมลง ไม่สวมสิทธิ์ทุเรียนนอกมาขาย และไม่มีสี-ไม่มีสารเคมีต้องห้าม และย้ำว่าขณะนี้ไทยได้มีความมั่นใจแล้วว่าสารตกค้างต้องห้ามในทุเรียนไทย จะไม่มีแล้วแน่นอน โดยการทำมาตรการต่างๆ ของประเทศไทยไม่ว่าจะเป็น Big Cleaning ที่เป็นการล้างสารตกค้างในจุดรวบรวมทั้งหมดก่อนที่จะรับผลผลิต และทุเรียนในล็อตที่ผ่านมา (เดือนมกราคม 2568) โดยผ่านด่านโม่ฮาน ก็ได้มีการตรวจตู้ทุเรียนของไทย ไม่พบสารตกค้างที่เป็นอันตรายแล้ว ด้วยเหตุดังกล่าว จึงขอให้ทางจีนได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของการนำเข้าทุเรียนไทย โดยขอให้มีการปลดล็อคการตรวจสารตกค้างต้องห้าม จากการตรวจ 100% เหลือเพียงสุ่มตรวจ 30% ซึ่งหากเกิดความร่วมมือกันจะทำให้ชาวจีนที่นิยมบริโภคทุเรียนไทย ได้ทุเรียนที่มีคุณภาพของไทยอย่างแน่นอน ซึ่งทางผู้บริหารสิบสองปันนาก็ยินดีรับข้อเสนอไปพิจารณา“ นายนภินทร กล่าว

โดยภายหลังการหารือ ทั้งคณะได้เดินสำรวจตลาดค้าขายในสิบสองปันนา ก็พบว่าทุเรียนไทยได้รับความนิยมของชาวสิบสองปันนาและนักท่องเที่ยวจีนเป็นอย่างมาก เห็นได้จากปัจจุบันแม้ทุเรียนหมอนทองของไทยยังไม่ออก ก็มีทุเรียนไทยพันธุ์พวงมณีวางขายในตลาดจำนวนมาก จึงเชื่อว่าฤดูกาลทุเรียนที่กำลังจะนำเข้ามาจีน จะได้รับการตอบรับที่ดี และเชื่อว่าเป็นปีทองของทุเรียนไทยอีกปี