กรมตรวจบัญชีสหกรณ์ สถาปนาครบรอบ 73 ปี เดินหน้ายกระดับมาตรฐานข้อมูล สู่การเป็นศูนย์กลางทางการเงินของสหกรณ์ไทย

กรมตรวจบัญชีสหกรณ์ จัดการประชุมสัมมนาเชิงปฏิบัติการ เรื่อง ยกระดับมาตรฐานข้อมูลสู่การเป็นศูนย์กลางทางการเงินของสหกรณ์ไทย เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันสถาปนากรมตรวจบัญชีสหกรณ์ ครบรอบ 73 ปี โดยได้รับเกียรติจาก นางสาวอนงค์นาถ จ่าแก้ว เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานในพิธีเปิด พร้อมมอบประกาศเกียรติคุณและโล่รางวัลข้าราชการพลเรือนดีเด่น ประจำปีพ.ศ. 2567 และรางวัลชนะการประกวดการออกแบบตราสัญลักษณ์กรมตรวจบัญชีสหกรณ์ ครบรอบ 73 ปี ในวันที่ 11 มีนาคม 2568 ณ โรงแรมปรินซ์พาเลซ มหานาค กรุงเทพฯ

นางสาวอนงค์นาถ จ่าแก้ว เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่าตามนโยบายของท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์) ครั้งเมื่อได้เข้าตรวจเยี่ยมและมอบนโยบายการขับเคลื่อนภารกิจของกับกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ เมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2567 นั้น โดยท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์) ได้มอบนโยบายที่มุ่งเน้นการขับเคลื่อนในการนำนวัตกรรมที่ทันสมัย มาใช้เสริมสร้างความเข้มแข็งในการบริหารจัดการภาคสหกรณ์ พัฒนาองค์ความรู้และศักยภาพของบุคลากรในการบริหารจัดการทางการเงินอย่างครอบคลุมรอบด้าน รู้เท่าทัน เพื่อให้การดำเนินงานของสหกรณ์ มีความมั่นคง โปร่งใส สามารถตรวจสอบได้ อีกทั้งยังลดความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นกับสหกรณ์และสมาชิก ซึ่งสามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างเป็นรูปธรรม ในปัจจุบันมีสหกรณ์ที่จดทะเบียน รวม 9,530 แห่ง มีจำนวนสมาชิก 11,339,612 ล้านคน มีทุนดำเนินงานกว่า 3.5 ล้านล้านบาท มูลค่าธุรกิจรวม 2,139,486.96 ล้านบาท โดยมีแนวโน้มที่จะเติบโตเพิ่มมากขึ้น จึงจำเป็นต้องได้รับการพัฒนาองค์ความรู้และศักยภาพการบริหารจัดการทางการเงินให้เท่าทันเทคโนโลยีที่หลากหลาย และธุรกิจของสหกรณ์ที่มีความก้าวหน้ากรมตรวจบัญชีสหกรณ์ จึงเป็นหน่วยงานสำคัญในการผลักดันให้มีการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมด้านการบัญชีสหกรณ์ พัฒนาความสามารถการใช้ข้อมูลสำหรับการวางแผนอย่างมีประสิทธิภาพ และพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อสร้างการมีส่วนร่วมในการตรวจสอบ ซึ่งนอกจากการผลักดันการใช้นวัตกรรมเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการในสหกรณ์และภาคการเกษตรแล้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์) ยังได้มอบนโยบายให้กรมตรวจบัญชีสหกรณ์ ดำเนินการร่วมกับกรมส่งเสริมสหกรณ์ ร่วมขับเคลื่อนการยกระดับการกำกับดูแลสหกรณ์ ด้วยระบบ Co – operative Core System : CCS เพื่อให้สหกรณ์มีระบบมาตรฐานธุรกรรมทางการเงิน เพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินธุรกิจ และการบริหารสภาพคล่อง สามารถวิเคราะห์ตรวจจับการทุจริตหรือธุรกรรมผิดปกติได้อย่างรวดเร็ว ลดความเสียหายที่จะเกิดขึ้นในภาคสหกรณ์และกับสมาชิก ยกระดับความโปร่งใส และสร้างความเชื่อมั่นในระบบสหกรณ์ ควบคู่กับการเสริมสร้างองค์ความรู้และความสามารถการจัดทำบัญชีแก่เกษตรกร เยาวชน และประชาชน เพื่อใช้วางแผนการประกอบอาชีพ การลงทุนและการผลิต พัฒนาอาชีพเกษตรกรรมให้มีความยั่งยืน มีวินัยในการใช้จ่ายเงินและมีเงินเก็บออม เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันสถาปนากรมตรวจบัญชีสหกรณ์ ครบรอบ 73 ปี ท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์) และดิฉัน ขอแสดงความยินดีกับผู้ปฏิบัติงานทุกภาคส่วน ที่มีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนการดำเนินงานของกรมตรวจบัญชีสหกรณ์มาอย่างยาวนาน โดยมุ่งหวังว่า กรมตรวจบัญชีสหกรณ์ จะเป็นหน่วยงานสำคัญที่จะสนับสนุนภารกิจของรัฐบาล และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในการยกระดับภาคการเกษตรให้เป็นภาคเศรษฐกิจที่สำคัญของประเทศ สร้างสรรค์เครื่องมือ และสร้างโอกาสให้พี่น้องเกษตรกร รวมไปถึงสร้างความเข้มแข็งให้กับองค์กรด้านการเกษตรและบุคลากรด้านการเกษตร ให้ก้าวเดินอย่างมั่นคง สู่ความสำเร็จที่ยั่งยืนต่อไป

นายวิณะโรจน์ ทรัพย์ส่งสุข อธิบดีกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ กล่าวว่า เนื่องในโอกาสครบรอบ 73 ปี แห่งการสถาปนากรมตรวจบัญชีสหกรณ์ จึงได้จัดการประชุมสัมมนาเชิงปฏิบัติการ ภายใต้ชื่องาน “ยกระดับมาตรฐานข้อมูลสู่การเป็นศูนย์กลางทางการเงินของสหกรณ์ไทย” ในระหว่างวันที่ 10 – 12 มีนาคม 2568 โดยกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ ได้ขานรับนโยบายจากท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์) มุ่งหวังสร้างพลังการขับเคลื่อนความเข้มแข็งในการดำเนินงานของสหกรณ์ยุคดิจิทัล ที่เกิดจากความร่วมมือของทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องให้เห็นเป็นรูปธรรม ขับเคลื่อนการยกระดับการกำกับดูแลสหกรณ์ ด้วยระบบ Co – operative Core System : CCS ตลอดจนร่วมแสดงความยินดีในพิธีมอบประกาศเกียรติคุณและโล่รางวัลข้าราชการพลเรือนดีเด่น ประจำปี พ.ศ. 2567 ของกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ เพื่อสร้างขวัญและกำลังใจให้แก่ผู้ปฏิบัติงานที่ปฏิบัติตนเป็นแบบอย่างที่ดี รวมถึงมีผลงานดีเด่นเป็นประจักษ์ โดยตลอดระยะเวลา 73 ปี กรมตรวจบัญชีสหกรณ์ ได้ขับเคลื่อนงานยกระดับมาตรฐานและสร้างความเข้มแข็งด้านการบริหารจัดการทางการเงินแก่สถาบันเกษตรกรมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้สมาชิกสหกรณ์ เกษตรกร มีคุณภาพชีวิตที่ดีมีความมั่นคงและยั่งยืน โดยในปีงบประมาณ 2568 กรมตรวจบัญชีสหกรณ์ ได้กำหนดเป้าหมายในการยกระดับความเข้มแข็ง โปร่งใสในภาคสหกรณ์และเกษตรกรไทย ด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรม มุ่งเน้นการพัฒนาในด้านต่าง ๆ อาทิเช่น

– การพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม สร้างเสถียรภาพและประสิทธิภาพในการบริการจัดการภาคสหกรณ์ ยกระดับมาตรฐานข้อมูลสู่การเป็นศูนย์กลางทางการเงินของสหกรณ์ไทย พร้อมทั้งผลักดันให้สหกรณ์นำเทคโนโลยีและเครื่องมือด้านบัญชีมาใช้สนับสนุนการดำเนินงานในสหกรณ์และให้บริการสมาชิก ทั้งนี้ กรมตรวจบัญชีสหกรณ์ได้ร่วมกับกรมส่งเสริมสหกรณ์ เตรียมผลักดันการยกระดับการกำกับสหกรณ์ โดยขับเคลื่อนการยกระดับการบริหารและการกำกับดูแลสหกรณ์ด้วยระบบ Co – operative Core System : CCS นำมาใช้ในภาคสหกรณ์ เพื่อให้สหกรณ์มีระบบมาตรฐานธุรกรรมทางการเงินที่ตรวจสอบข้อมูลแบบ Real-time มีระบบสนับสนุนการจัดการและการตัดสินใจ เพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินธุรกิจและการบริหารสภาพคล่อง ยกระดับความโปร่งใส ตรวจจับการทุจริตได้ทันท่วงที สร้างความเชื่อมั่นให้สมาชิกผู้ใช้บริการ โดยเริ่มดำเนินการ และนำร่องในสหกรณ์เป้าหมาย ภายในปี 2568

– การรักษามาตรฐานวิชาชีพ และกำกับ ดูแล ป้องกันปัญหาการทุจริตอย่างเป็นรูปธรรม  โดยทบทวนและปรับปรุงกฎระเบียบต่าง ๆ ให้สอดคล้องตามมาตรฐานสากลและสถานการณ์ปัจจุบัน เฝ้าระวัง กำกับ ติดตาม การบริหารจัดการของสหกรณ์และระบบการควบคุมภายในที่ดี โดยขับเคลื่อนความร่วมมือสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) และกรมส่งเสริมสหกรณ์ ลงนาม MOU เพื่อป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินผ่านกิจการสหกรณ์ ยกระดับความร่วมมือเพื่อป้องกันป้องปรามการทุจริตและสร้างความโปร่งใส ตรวจสอบได้ในระบบสหกรณ์

– การถ่ายทอดองค์ความรู้ด้านบัญชีสู่เกษตรกร กรมตรวจบัญชีสหกรณ์ ได้ดำเนินงานพัฒนาความรู้ด้านการจัดทำบัญชี มุ่งเน้นขยายผลการดำเนินการแก้ไขปัญหาหนี้สินภาคครัวเรือนของเกษตรกรและประชาชน ตั้งเป้าหมายพัฒนาเกษตรกรสู่การเป็นผู้ประกอบธุรกิจเกษตรอัจฉริยะ ซึ่งสามารถใช้ข้อมูลทางบัญชีและเทคโนโลยี พัฒนาอาชีพของตนเองได้ สามารถวิเคราะห์จุดคุ้มทุนเพื่อการประกอบธุรกิจทางการเกษตร Break Even Point (BEP) อีกทั้งได้พัฒนาแอปพลิเคชัน SmartMe เพื่อเป็นเครื่องมือช่วยในการจดบันทึกบัญชีผ่านสมาร์ทโฟน สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายเกษตรกรสมัยใหม่ เยาวชนคนรุ่นใหม่ และสมาชิกสหกรณ์ทั่วไป พร้อมทั้งสร้างเครือข่ายครูบัญชีอาสา ถ่ายทอดการคิดวิเคราะห์ การลงทุนทำการเกษตร การจำหน่ายผลิตผล ผ่านการจัดทำบัญชีต้นทุนประกอบอาชีพ ซึ่งปัจจุบันมีครูบัญชีอาสาทั่วประเทศ จำนวน 6,188 ราย ให้เป็นเครือข่ายที่เข้มแข็ง เป็นโค้ชทางการเงินให้กับเกษตรกรทั่วประเทศ พร้อมเพิ่มศักยภาพชุมชนแห่งการออม ซึ่งในปีที่ผ่านมา มีชุมชนเข้าร่วม จำนวน 78 ชุมชน สร้างเงินออมทั่วประเทศ รวมกว่า 21 ล้านบาท นับเป็นจุดเริ่มต้นที่จะทำให้คุณภาพชีวิตของประชาชนดียิ่งขึ้น อยู่ดี กินดี มีความสุข กรมตรวจบัญชีสหกรณ์ จะมุ้งเน้น และขยายผลการดำเนินการแก้ไขปัญหาหนี้สินภาคครัวเรือน ของเกษตรกร และประชาชนทั่วประเทศ โดยถือว่าเป็นภารกิจหลักของกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ ที่จะต้องแก้ไขปัญหาหนี้สินภาคครัวเรือน ของภาคการเกษตร และประชาชนทั่วประเทศ ให้ได้อย่างยั่งยืน