วันที่ 8 มีนาคม 2568 ดร.ปิ่นสักก์ สุรัสวดี อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (อทช.) กล่าวว่า กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง โดยศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอ่าวไทยตอนบน (ศวทบ.) ร่วมกับเครือข่ายรักษ์อ่าวไทยตอนบน เจ้าหน้าที่ศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงทะเลสมุทรปราการ กรมประมง องค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ และอาสาสมัคร ร่วมลงพื้นที่ชันสูตรซากวาฬบรูด้าที่ได้รับแจ้งเกยตื้น จากเพจที่นี่สมุทรปราการ เมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2568 พบเป็นวาฬบรูด้า (Bryde’s whale: Balaenoptera edeni) วัยรุ่น อายุไม่เกิน 3 ปี ตายมาเเล้วประมาณ 3 วัน เพศเมีย สภาพซากเน่า ผิวหนังหลุดลอก
สัตวแพทย์จากกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง เผยผลจากการชันสูตรพบว่าวาฬมีความสมบูรณ์ของร่างกายดี (Body Condition Score 3/5) ชั้นไขมันใต้ผิวหนัง 3-4.5 เซนติเมตร บาดแผลเป็นรอยตัดลึก บริเวณกรามบน กรามล่าง ท้ายทอย และคางด้านขวา ส่งผลให้กระดูกบริเวณปลายกรามบน และกรามล่างทั้งสองข้างหัก (Complete Transverse Fracture) กะโหลกด้านซ้ายแตก และ ส่วนปลายของสะบักซ้ายเป็นรอยตัดจากของมีคม ที่ผิวหนัง บ่งชี้เป็นรอยตัดจากการถูกของแข็งรอบแรงเหวี่ยงสูง ซึ่งเนื้อเยื่อโดยรอบบริเวณดังกล่าวเป็นรอยช้ำ คั่งเลือด เป็นวงกว้าง และมีรอยช้ำขนาด 160 ซม. ด้านหลังบริเวณลำตัว ระบบทางเดินหายใจ พบการคั่งเลือดที่ปอดซ้ายอย่างรุนแรง มีเลือดออกในเยื่อหุ้มปอด ระบบหัวใจและหลอดเลือด พบลิ่มเลือดในหลอดเลือดแดง Aorta เล็กน้อย ลิ้นหัวใจปกติ ระบบทางเดินอาหารพบอาหารตลอดแนวลำไส้เล็กถึงลำไส้ส่วนท้ายและไม่พบสิ่งแปลกปลอมในระบบทางเดินอาหาร อวัยวะภายในอื่น ๆ ตับ ม้าม ไต ตับอ่อน และระบบสืบพันธุ์เน่าสลาย
สรุปสาเหตุการตายเกิดจากการถูกของแข็งรอบแรงเหวี่ยงสูง กระแทกโดยตรง และเกิดการเสียเลือดปริมาณมากอย่างรวดเร็ว และเกิดภาวะช็อคจากการสูญเสียเลือดและเจ็บปวดอย่างรุนแรง
โดยเจ้าหน้าที่ฯ จะนำโครงกระดูกดังกล่าวมาเก็บรักษาไว้ ณ อาคารจัดแสดงโครงกระดูกวาฬบรูด้าและนิทรรศการโครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เพื่อเป็นแหล่งเรียนรู้สัตว์ทะเลหายากในพื้นที่อ่าวไทยตอนบนต่อไป