จากกรณีที่ปรากฏเป็นข่าว บริษัทเอกชนได้กว้านซื้อที่ดินชาวบ้านใน อ.ท่าตะเกียบ จ.ฉะเชิงเทรา จำนวนกว่า 1,400 ไร่ ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ป่าแควระบม และป่าสียัด ซึ่งบางส่วนอยู่ระหว่างการจัดราษฎร เพื่อเข้าทำกินอย่างถูกต้องตามนโยบายรัฐบาล (คทช.) และนำไปขายให้กับกลุ่มนายทุนจากต่างชาติเพื่อปลูกทุเรียน นั้น
วันที่ 3 มีนาคม 2568 ดร.รวีวรรณ ภูริเดช ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ (ผอ.สคทช.) ได้สั่งการให้ นายณัฐวุฒิ เปลื้องทุกข์ ผู้ช่วย ผอ. สทคช. สนธิกำลังกับกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (กองตำรวจป่าไม้) กรมป่าไม้ และจังหวัดฉะเชิงเทรา ลงพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ป่าแควระบม และป่าสียัด พื้นที่เป้าหมายการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชน ข้อเท็จจริงจากการลงพื้นที่ พบว่า มีการบุกรุกของบริษัทเอกชนทำเป็นสวนทุเรียน จำนวนเนื้อที่รวม 344-0-75 ไร่ แบ่งเป็น 3 ส่วน ดังนี้
1. แปลงพื้นที่เป้าหมาย คทช. ที่กรมป่าไม้อนุญาตให้ผู้ว่าราชการจังหวัดแล้ว เนื้อที่ 138-2-90 ไร่ แต่ยังมิได้จัดให้ราษฎร พบมีการบุกรุกของสวนทุเรียน
2. แปลงพื้นที่ป่าไม้ที่ยังไม่ได้อนุญาตให้ผู้ว่าราชการจังหวัด เนื้อที่ 108-1-3 ไร่ และ
3. แปลงพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ เนื้อที่ 97-0-82 ไร่
นอกจากนั้น ผู้ช่วย ผอ. สคทช. และคณะ ยังตรวจพบว่าในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ป่าแควระบม และป่าสียัด ดังกล่าว มีการลักลอบขุดบ่อบาดาล และขุดสระน้ำ ทั้งนี้ เนื่องจากสถานภาพที่ดินตามกฎหมายจัดเป็นป่าสงวนแห่งชาติ สคทช จึงเร่งให้สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดฉะเชิงเทรา กระทรวงทรัพยากรธรรมและสิ่งแวดล้อมเข้าแจ้งความดำเนินคดี พร้อมทั้งจะหารือผู้ว่าราชการจังหวัดในฐานะประธานอนุกรรมการนโยบายที่ดินจังหวัด (คทช.จังหวัด) เพิ่มความเข้มงวดตรวจขยายผล การตรวจสอบการบุกรุกพื้นที่ป่าไม้ทั่วประเทศร่วมกัน และจะดำเนินการประสานกรมป่าไม้ให้นำเทคโนโลยีภาพถ่ายดาวเทียมความละเอียดสูงมาช่วยในการร่วมกันตรวจสอบการใช้ประโยชน์ในพื้นที่ป่าไม้ เพื่อเป็นหนึ่งในมาตรการป้องกันและปราบปรามผู้บุกรุกและกระทำผิด ในพื้นที่ป่าไม้ทั่วประเทศต่อไป
สคทช. ดำเนินการจัดสรรที่ดินทำกินให้กับราษฎรผู้ยากไร้ตามนโยบายรัฐบาล (คทช.) และขอย้ำว่าพื้นที่ คทช. ในพื้นที่ป่าสงวนจัดเป็นพื้นที่ของรัฐที่อนุญาตให้ราษฎรตามหลักเกณฑ์ของ คทช. ห้ามซื้อขายเปลี่ยนมือ ผู้บุกรุกหรือครอบครองโดยผิดกฎหมายจะถูกดำเนินคดีอย่างเด็ดขาด