เมื่อวันที่ 2 มี.ค. 2568 — ณ หอศิลปวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยขอนแก่น จ.ขอนแก่น สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ร่วมด้วยภาคีเครือข่าย 40 องค์กร จัดงาน Kick Off ปิดเทอมสร้างสรรค์ อัศจรรย์วันว่าง ปี 2568 ภายใต้แนวคิด “ปิดเทอมสร้างสรรค์ กิจกรรมฉ่ำเว่อ” เปิดพื้นที่ส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิต และสนับสนุนกิจกรรมการเรียนรู้สร้างสรรค์เพื่อเด็ก เยาวชน และครอบครัวทั่วประเทศ พร้อมเปิดตัว LINE OA ‘@happyschoolbreak’ อำนวยความสะดวกเด็กและเยาวชน เข้าถึงพื้นที่เรียนรู้ 15 นาทีใกล้บ้าน พร้อมจัดพิธีลงนามบันทึกความเข้าใจกับ 8 ภาคี เพื่อส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิตและสนับสนุนกิจกรรมการเรียนรู้สร้างสรรค์ เพื่อเด็ก เยาวชน และครอบครัว โดยมี ผศ.ดร.รวิน ระวิวงศ์ ผู้อำนวยการองค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ (อพวช.) หรือ NSM น.ส.ณัฐยา บุญภักดี ผู้อำนวยการสำนักสนับสนุนสุขภาวะเด็ก เยาวชน และครอบครัว (สสส.), ดร.อภิชาติ ประเสริฐ รองผู้อำนวยการสำนักงานบริหารและพัฒนาองค์ความรู้ (OKMD), นายธนากร ดอนเหนือ อธิบดีกรมส่งเสริมการเรียนรู้, ผศ. (พิเศษ) ชาญณรงค์ พุ่มบ้านเช่า นายกสมาคมพิพิธภัณฑ์ไทย, นายสักก์สีห์ พลสันติกุล ผู้อำนวยการสำนักส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ ขอนแก่น, นางศิริลักษณ์ มีมาก รองอธิบดีกรมกิจการเด็กและเยาวชน ปฏิบัติราชการแทนอธิบดีกรมกิจการและเยาวชน, คุณจตุรภรณ์ โชคภูเขียว รองผู้อํานวยการสํานักยุทธศาสตร์แผน ติดตามประเมินผล สํานักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) และ น.ส.กัญญ์ชลา เดชานุภาพฤทธา กรรมการผู้จัดการมูลนิธิไทยคม เข้าร่วม
ผศ.ดร.รวิน ระวิวงศ์ ผู้อำนวยการองค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ (อพวช.) หรือ NSM กล่าวว่า “พิพิธภัณฑ์ หรือ แหล่งเรียนรู้ เป็นกุญแจสำคัญในการขับเคลื่อนประเทศสู่ความยั่งยืน รวมทั้ง เยาวชน ก็ถือเป็นกำลังสำคัญของประเทศที่จะนำพาประเทศให้เกิดการเปลี่ยนแปลง NSM ในฐานะหน่วยงานที่ขับเคลื่อนด้านวิทยาศาสตร์ของประเทศ จึงต้องผลักดันศักยภาพของเยาวชนไทย ประกอบกับเรายังมีความเชี่ยวชาญในการพัฒนานิทรรศการ กิจกรรม และการสื่อสารวิทยาศาสตร์ที่มีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะในช่วงปิดเทอมของเยาวชน ที่จะเป็นโอกาสสำคัญให้เยาวชนใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ และสนุกไปกับการเรียนรู้อย่างสร้างสรรค์ กิจกรรมช่วงปิดเทอมจะต้องช่วยพัฒนาคุณภาพและสร้างสรรค์ความสัมพันธ์ให้เกิดขึ้น ทั้งเพื่อน ครอบครัว ชุมชน เราจัดกิจกรรมในพิพิธภัณฑ์ เพื่อรองรับทุกคนและให้เด็กได้ใช้เวลาร่วมกันกับครอบครัว ทำให้วิทยาศาสตร์ไม่ใช่เรื่องยากและน่าเบื่ออีกต่อไป ทุกคนจะได้พบกับความสนุกและแรงบันดาลใจที่สำคัญกว่าเนื้อหาในห้องเรียน และเชื่อว่าการผนึกกำลังความร่วมมือของภาคีเครือข่ายที่เกิดขึ้นในวันนี้ จะเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้ที่ยั่งยืน เพื่อสร้างแรงบันดาลใจในเรียนรู้นอกห้องเรียน และการใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ของเยาวชนและประชาชนของประเทศ อันจะก่อให้เกิดการพัฒนากำลังคนด้านวิทยาศาสตร์ให้กับประเทศต่อไป”
รศ.ดร.นิยม วงศ์พงษ์คำ รองอธิการบดีฝ่ายศิลปวัฒนธรรมและเศรษฐกิจสร้างสรรค์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น กล่าวว่า “กิจกรรมช่วงปิดเทอม ช่วยให้เด็ก เยาวชน นักเรียน และนักศึกษา ใช้เวลาว่างอย่างมีคุณค่าและเกิดประโยชน์ การเรียนรู้ไม่ควรถูกจำกัดอยู่แค่ในห้องเรียน แต่เกิดขึ้นได้ทุกช่วงเวลาของชีวิต โดยเฉพาะช่วงปิดเทอม เป็นโอกาสที่เด็กและเยาวชน จะได้ค้นหาความสนใจ และพัฒนาทักษะด้านต่าง ๆ ที่จำเป็นสำหรับการใช้ชีวิตประจำวัน โครงการปิดเทอมสร้างสรรค์ของ สสส. สอดคล้องกับพันธกิจของมหาวิทยาลัยขอนแก่น ที่มุ่งส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิต และพัฒนาศักยภาพของเยาวชนในจังหวัดขอนแก่นและทั่วภาคอีสาน ให้เติบโตอย่างมีคุณภาพ พร้อมเป็นกำลังที่สำคัญของประเทศต่อไป”
นายธนากร ดอนเหนือ อธิบดีกรมส่งเสริมการเรียนรู้ (สกร.) กล่าวว่า “สถานการณ์ปัญหาที่เกิดขึ้นกับเด็กและเยาวชนในช่วงปิดเทอมมีมาต่อเนื่อง โดยเฉพาะเด็กติดจอมือถือ หากเป็นเด็กเล็กจะยิ่งเสี่ยงต่อภาวะการเรียนรู้บกพร่อง (Learning Disability – LD) จากรายงานสรุปผลการใช้ไอซีทีของเด็กและเยาวชน ปี 2566 โดยสำนักงานสถิติแห่งชาติ พบเด็กและเยาวชนใช้งานอินเทอร์เน็ตเพิ่มขึ้นจาก 86.3% ในปี 2562 เป็น 98.2% ในปี 2566 เมื่อเด็กและเยาวชนใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับสื่อออนไลน์ อาจส่งผลกระทบตามมา เช่น การพนันออนไลน์ การกลั่นแกล้งบนโลกออนไลน์ และการติดเกมออนไลน์ รวมถึงการเคลื่อนไหวน้อย ขาดการออกกำลังกาย”
นายธนากร กล่าวอีกว่า สกร. จึงร่วมกับ สสส. และภาคีเครือข่าย ส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิตและสนับสนุนกิจกรรมการเรียนรู้สร้างสรรค์เพื่อเด็ก เยาวชน และครอบครัว ทำงานร่วมกัน 6 ด้าน 1.พัฒนาระบบฐานข้อมูล (Learning Platform) รวมแหล่งเรียนรู้ นำไปเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ ให้เด็กและครอบครัวเข้าถึงแหล่งเรียนรู้ได้อย่างทั่วถึง 2.พัฒนามาตรฐานแหล่งเรียนรู้ (Learning Space) เพิ่มศักยภาพแหล่งเรียนรู้ให้มีคุณภาพ และขับเคลื่อนให้เกิดความร่วมมือระดับท้องถิ่น 3.พัฒนาศักยภาพนักจัดการเรียนรู้ (Learning Creator) ให้ออกแบบการเรียนรู้ที่สอดคล้องตามบริบทของพื้นที่ ผลักดันให้เกิดการรับรองคุณวุฒิวิชาชีพของนักจัดการเรียนรู้ 4.จัดแคมเปญกิจกรรมสร้างการเรียนรู้ (Learning Activity) ผ่านการรวบรวมและเผยแพร่กิจกรรมสร้างการเรียนรู้ในช่วงปิดเทอม พร้อมขยายผลให้เกิดการเรียนรู้ตลอดทั้งปี 5.ศึกษาแนวทางระบบธนาคารหน่วยกิต (Credit Bank) รวบรวมบทเรียนและองค์ความรู้ของเครือข่ายที่มีประสบการณ์ เชื่อมแหล่งเรียนรู้นอกห้องเรียนและการศึกษาของรัฐ นำไปขยายผลให้แหล่งเรียนรู้สามารถบูรณาการการเรียนรู้และการศึกษาของรัฐ 6.สนับสนุนบทเรียน งานวิจัย และงบประมาณ สำหรับการจัดการแหล่งเรียนรู้
น.ส.ณัฐยา บุญภักดี ผู้อำนวยการอาวุโส สำนักสนับสนุนสุขภาวะเด็ก เยาวชน และครอบครัว สสส. กล่าวว่า ผลสำรวจข้อมูลพฤติกรรมและความต้องการแหล่งเรียนรู้ กลุ่มเยาวชนอายุ 15-25 ปี รวม 19,694 คน จากทั่วประเทศ ปี 2565 โดย สสส. และคิด for คิดส์ พบเด็กและเยาวชน 60% ไม่เคยไปแหล่งเรียนรู้ประเภทศูนย์ฝึกอาชีพ 42.7% ไม่เคยไปพิพิธภัณฑ์หรือหอศิลป์ 29% ไม่เคยไปสวนสัตว์และสวนพฤกษศาสตร์ 22.8% ไม่เคยไปสนามกีฬา สาเหตุที่เข้าไม่ถึงแหล่งเรียนรู้เนื่องจากระยะทางไกล การเดินทางเป็นอุปสรรค เด็กและเยาวชนกว่า 60% อยู่ในครอบครัวรายได้น้อย สอดคล้องกับรายงานสถานการณ์เด็กและครอบครัว ประจำปี 2566 โดย สสส. และคิด for คิดส์ พบเด็กเยาวชนไทยเติบโตในครอบครัวเปราะบางและยังไม่ฟื้นตัวจากวิกฤตเศรษฐกิจ มีเด็ก 1.8 ล้านคน หรือคิดเป็น 26.5% ไม่ได้อยู่กับพ่อแม่ ต้องอาศัยอยู่กับปู่ย่าตายาย เมื่อพ่อแม่ไม่มีเวลาดูแล เด็กต้องอยู่บ้านเพียงลำพัง หรืออยู่กับผู้สูงอายุและเพื่อน เสี่ยงต่อปัญหาพฤติกรรม เช่น การดื่มแอลกอฮอล์ ใช้สารเสพติด ไม่เกิดแรงจูงใจใฝ่เรียน และอาจส่งผลให้หลุดจากระบบการศึกษา
“จากสถานการณ์ดังกล่าว สสส. จึงสานพลังภาคีเครือข่าย 4 ภูมิภาค โดยมี 9 จังหวัดนำร่อง ได้แก่ กรุงเทพฯ สุพรรณบุรี อุตรดิตถ์ ลำพูน ลำปาง นราธิวาส กระบี่ ขอนแก่น นครราชสีมา พร้อมหน่วยจัดการ ประสานงานและขับเคลื่อนกิจกรรมในอีก 21 จังหวัด ในปี 2568 มีภาคีภาครัฐ เอกชน ประชาสังคมที่มีแหล่งเรียนรู้ 958 องค์กร ทั่วประเทศ ร่วมกันจุดประกายให้เด็กและเยาวชนได้ใช้เวลาว่างอย่างสร้างสรรค์ในช่วงวันหยุดและปิดเทอม ค้นหากิจกรรมได้จาก www.ปิดเทอมสร้างสรรค์.com และเปิดแพลตฟอร์ม LINE OA ‘@happyschoolbreak’ เพื่อเป็นแหล่งจัดเก็บข้อมูลพื้นที่จัดกิจกรรมวันว่าง ที่รวบรวมกิจกรรมสร้างประสบการณ์การเรียนรู้ ความสุข และแรงบันดาลใจในการพัฒนาตนเอง สู่การเป็นพลเมืองไทย และพลเมืองโลกที่มีคุณภาพ มากกว่า 1,000 กิจกรรม รวมถึงข้อมูลนำเสนอพื้นที่ให้เด็กและผู้ปกครองเลือกเข้าร่วมกิจกรรมตามที่สนใจ เป็นแหล่งเรียนรู้อยู่ใกล้บ้าน เด็กสามารถเข้าถึงได้ภายใน 15 นาที คาดว่าจะมีเด็กและครอบครัวทั่วประเทศ เข้าร่วมกิจกรรมตลอดทั้งช่วงปิดเทอมมากกว่า 100,000 คน” น.ส.ณัฐยา กล่าว