นายกรัฐมนตรีพร้อมคณะเยือนทะเลน้อย จ.พัทลุง ติดตามการแก้ปัญหาน้ำท่วม-แล้ง กลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอ่าวไทย

นายกรัฐมนตรีพร้อมคณะลงพื้นที่บริเวณจุดชมวิวทะเลน้อย อำเภอควนขนุน จังหวัดพัทลุง ติดตามการบริหารจัดการน้ำในพื้นที่ลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลา พร้อมรับฟังการบริหารจัดการน้ำกลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอ่าวไทย มุ่งแก้ปัญหาน้ำท่วมน้ำแล้งอย่างยั่งยืน พัฒนาคุณภาพชีวิตประชาชนครอบคลุมทั้ง 5 จังหวัด

วันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2568 นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เดินทางไปตรวจติดตามการบริหารจัดการน้ำพื้นที่ลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลา ณ บริเวณจุดชมวิวทะเลน้อย อำเภอควนขนุน จังหวัดพัทลุง พร้อมรับฟังการบริหารจัดการน้ำกลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอ่าวไทย โดยมี ดร.สุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมลงพื้นที่ในครั้งนี้ด้วย

เลขาธิการ สทนช. เปิดเผยว่า กลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอ่าวไทย ประกอบด้วย จังหวัดชุมพร จังหวัดนครศรีธรรมราช จังหวัดพัทลุง จังหวัดสุราษฎร์ธานี และจังหวัดสงขลา มีพื้นที่ส่วนใหญ่อยู่ในลุ่มน้ำภาคใต้ฝั่งตะวันออกตอนบนและลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลา โดยลุ่มน้ำภาคใต้ฝั่งตะวันออกตอนบน ครอบคลุมพื้นที่จังหวัดสุราษฎร์ธานีและจังหวัดชุมพร รวมถึงบางส่วนของจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ จังหวัดนครศรีธรรมราช และจังหวัดกระบี่ ซึ่งเป็นเขตร่องมรสุมพาดผ่าน ทำให้ในฤดูฝนมีโอกาสเกิดฝนตกต่อเนื่องเป็นเวลานาน ส่งผลให้มีน้ำไหลหลากจากภูเขา เข้าท่วมฉับพลันในพื้นที่ชุมชนที่ราบเชิงเขา และไหลบ่าต่อเนื่องลงสู่ที่ราบอย่างรวดเร็วและรุนแรง เนื่องจากพื้นที่ป่าต้นน้ำมีการเปลี่ยนแปลงการใช้ประโยชน์ที่ดิน พื้นที่ตอนล่างมีน้ำทะเลหนุนทำให้การระบายน้ำออกสู่ทะเลทำได้ช้า และทำให้น้ำล้นตลิ่งบริเวณปากแม่น้ำ นอกจากนี้ พบว่าปัจจุบันการพัฒนาแหล่งน้ำยังไม่เพียงพอต่อความต้องการใช้น้ำ แหล่งน้ำตามธรรมชาติตื้นเขินไม่สามารถเก็บกักน้ำได้เต็มประสิทธิภาพ ส่งผลให้เกิดการขาดแคลนน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภคในช่วงฤดูแล้งเป็นประจำเกือบทุกปีในหลายพื้นที่ สำหรับแนวทางการแก้ไขปัญหาที่ต้องดำเนินการ ได้แก่ การจัดทำคลองผันน้ำ การปรับปรุงประสิทธิภาพลำน้ำ การจัดหาแหล่งน้ำต้นทุนเพิ่มเติม การขยายเขตประปา การเพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำในลำน้ำสายหลักรวมถึงการปรับปรุงสิ่งกีดขวางทางน้ำ การจัดทำระบบป้องกันน้ำท่วมชุมชนเมือง การแก้ไขปัญหาและป้องกันการรุกล้ำแนวเขตลำคลองและแหล่งน้ำธรรมชาติ การบำรุงรักษาพื้นที่ป่าพรุ รวมถึงการเพิ่มประสิทธิภาพในการแจ้งเตือนภัยและการสร้างการรับรู้ของภาคประชาชนด้วย

ในส่วนของลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลา ครอบคลุมพื้นที่ส่วนใหญ่ของจังหวัดสงขลาและจังหวัดพัทลุง รวมถึงบางส่วนของจังหวัดนครศรีธรรมราช จังหวัดสตูล จังหวัดตรัง และจังหวัดยะลา โดยลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลาเป็นลุ่มน้ำแห่งเดียวของประเทศไทย ที่มีระบบทะเลสาบแบบลากูน (Lagoon) ขนาดใหญ่เป็นแอ่งรองรับน้ำจืด โดยมีน้ำทะเลไหลเข้ามาผสมผสาน ปัญหาน้ำท่วมในพื้นที่พบว่า บางพื้นที่มีลักษณะเป็นแอ่งกระทะ ทำให้การระบายน้ำลงสู่ทะเลในช่วงน้ำทะเลหนุนสูงทำได้ช้า และยังพบแหล่งเก็บกักน้ำมีสภาพตื้นเขินในหลายพื้นที่ และปัญหาภัยแล้ง ได้แก่ แหล่งเก็บกักน้ำสำหรับการอุปโภคบริโภคมีไม่เพียงพอต่อความต้องการใช้น้ำในพื้นที่ชุมชนเมือง รวมถึงการใช้น้ำเพื่อการเกษตรด้วย โดยมีแนวทางแก้ไขปัญหา ได้แก่ การอนุรักษ์ฟื้นฟูป่าไม้ต้นน้ำ การพัฒนาแหล่งเก็บกักน้ำในลำน้ำสาขา การจัดทำระบบป้องกันน้ำท่วมและระบบระบายน้ำในชุมชนเมืองสำคัญ การปรับปรุงสิ่งกีดขวาง
ทางน้ำ และการฟื้นฟูแหล่งน้ำธรรมชาติ

“สำหรับการดำเนินโครงการด้านทรัพยากรน้ำในกลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอ่าวไทย ในปี 2568-2569 ประกอบด้วย แผนงาน/โครงการตามแผนปฏิบัติการด้านทรัพยากรน้ำ ปี 2568 ที่หน่วยงานอยู่ในระหว่างดำเนินการ จำนวน 436 โครงการ เมื่อดำเนินการแล้วเสร็จ จะมีครัวเรือนได้รับประโยชน์ 167,294 ครัวเรือน พื้นที่รับประโยชน์ 51,845 ไร่ และพื้นที่ป้องกันน้ำท่วม 74,047 ไร่ สำหรับปีถัดไป หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เสนอแผนปฏิบัติการด้านทรัพยากรน้ำ ปี 2569  ในพื้นที่ดังกล่าว จำนวน 3,647 โครงการ เมื่อดำเนินการแล้วเสร็จ จะมีครัวเรือนได้รับประโยชน์ 399,685 ครัวเรือน พื้นที่รับประโยชน์ 282,610 ไร่ และพื้นที่ป้องกันน้ำท่วม 286,860 ไร่ นอกจากนี้ ยังมีโครงการสำคัญ จำนวน 8 โครงการ เมื่อดำเนินการแล้วเสร็จ จะมีครัวเรือนได้รับประโยชน์ 26,386 ครัวเรือน พื้นที่รับประโยชน์ 39,864 ไร่ และพื้นที่ป้องกันน้ำท่วม 34,688 ไร่ อาทิ อ่างเก็บน้ำคลองสีสุกอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดสุราษฎร์ธานี ระบบระบายน้ำหลักเพื่อบรรเทาปัญหาน้ำท่วมพื้นที่ชุมชนเมืองพัทลุง จังหวัดพัทลุง โครงการขุดลอกร่องน้ำร่องกลางทะเลสาบสงขลาตอนล่าง เพื่อพัฒนาและฟื้นฟูทะเลสาบสงขลาตอนล่าง จังหวัดสงขลา เป็นต้น โดยการดำเนินการตามแผนดังกล่าว เกิดจากการบูรณาการการทำงานของหน่วยงานภาครัฐ เพื่อแก้ไขปัญหาทั้งอุทกภัยและภัยแล้งในพื้นที่ มุ่งลดผลกระทบต่อชีวิตและทรัพย์สิน และสามารถพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนได้อย่างยั่งยืน” เลขาธิการ สทนช. กล่าวในตอนท้าย