กรมวิทยาศาสตร์บริการ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ต้นกำเนิดของหน่วยงานด้านวิทยาศาสตร์หลายแห่ง มีบทบาทสำคัญในการพัฒนางานด้านวิทยาศาสตร์ของประเทศ มีประวัติความเป็นมายาวนานถึง 134 ปีจากศาลาแยกธาตุ จนเป็นกรมวิทยาศาสตร์บริการ ในปัจจุบัน โดยเริ่มจากหน่วยงานเล็ก ๆ ที่ชื่อว่า สถานปฏิบัติการวิเคราะห์แร่ ในกรมราชโลหกิจและภูมิวิทยา กระทรวงเกษตราธิการ เมื่อปี พ.ศ. 2434 มีภารกิจวิเคราะห์แร่สำหรับการทำเหรียญกษาปณ์ ต่อมาปรับสถานะเป็นหน่วยงานระดับกรม ในชื่อ “ศาลาแยกธาตุ” กระทรวงพาณิชย์และคมนาคม ในปีพ.ศ. 2466 และพัฒนามาเป็น “กรมวิทยาศาสตร์” สังกัดกระทรวงเศรษฐการ ในปี พ.ศ. 2522 และเปลี่ยนชื่อเป็น “กรมวิทยาศาสตร์บริการ” ปัจจุบันสังกัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ตามลำดับจนซึ่งครบรอบวาระ 134 ปี ในวันที่ 30 มกราคม 2568
นายแพทย์รุ่งเรือง กิจผาติ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์บริการ เปิดเผยว่า กรมวิทย์ฯ บริการ ก่อตั้งมาเป็นเวลา 134 ปี เป็นหน่วยงานทางวิทยาศาสตร์ที่เก่าแก่ที่สุดของประเทศ เป็นหน่วยงานริเริ่มพัฒนางานด้านวิทยาศาสตร์ที่สำคัญและขยายงานออกไปเป็นองค์กรต่าง ๆ ทั้งส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และองค์การมหาชนเป็นจำนวนมาก ทั้งนี้ ตลอดระยะเวลา 1 ปีที่ผ่านมา กรมวิทย์ฯ บริการ มุ่งมั่นเดินหน้าสู่เป้าหมายในการยกระดับศักยภาพของประเทศด้วยระบบ NQI สร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจและสังคม เป็นส่วนสำคัญของการนำวิทยาศาสตร์สู่การดูแลคุณภาพชีวิตของประชาชน ก้าวสำคัญในปี พ.ศ. 2567 ตามที่คณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่ 11 ธันวาคม 2567 เห็นชอบร่างพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. …. เพื่อยกเลิก มาตรา 38 ที่กำหนดให้เปลี่ยนสถานภาพกรมวิทย์ฯ บริการ เป็นองค์การมหาชน และยังคงสภาพกรมวิทย์ฯ บริการ ให้เป็นส่วนราชการที่สำคัญในกระทรวง อว. เพื่อขับเคลื่อนนโยบายรัฐบาล และกระทรวง อว. ที่สามารถดำเนินงานร่วมกับหน่วยงานของรัฐ หน่วยงานเอกชน หน่วยงานภาคประชาสังคม หน่วยงานท้องถิ่นและภาคประชาชน ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
นพ.รุ่งเรือง กล่าวเพิ่มเติมว่า กรมวิทย์ฯ บริการ ตั้งเป้าหมายนำวิทยาศาสตร์ยกระดับประเทศไทย โดยมีความสามารถในการตรวจวิเคราะห์ทางวิทยาศาสตร์อยู่ในอันดับ 1 ใน 10 ของโลกภายในปี 2572 และนำวิทยาศาสตร์สู่การเพิ่มสมรรถนะการแข่งขันของประเทศด้านเศรษฐกิจ สังคม และคุณภาพชีวิตที่ดีอย่างยั่งยืน ยกระดับโครงสร้างของหน่วยงานให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ความสำเร็จที่เกิดขึ้นในปัจจุบันมีผลงานในระนานาชาติ ได้แก่ สามารถขับเคลื่อนผลงานด้านห้องปฏิบัติการอันดับที่ 5 ของโลก มีผลงานวิจัยระดับเหรียญทองในระดับนานาชาติ อีกทั้งการนำวิทยาศาสตร์สู่การดูแลประชาชนด้วยองค์ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์ สร้างความร่วมมือกับหน่วยงานในระดับชาติและระดับพื้นที่ โดยเฉพาะในพื้นที่ห่างไกลที่มีปัญหา เช่น น้ำอุปโภค-บริโภคไม่ได้คุณภาพและไม่ปลอดภัย เรานำเทคโนโลยีเครื่องกรองน้ำไปช่วยเหลือพี่น้องประชาชนให้ มีน้ำดื่มนำใช้ที่สะอาดและปลอดภัย รวมถึงนำวิทยาศาสตร์แก้ปัญหาในสถานการณ์ฉุกเฉินโดยร่วมกับศูนย์ปฏิบัติการสถานการณ์น้ำท่วม “อว. เพื่อประชาชน” เตรียมความพร้อมเฝ้าระวังและรับมืออุทกภัยในพื้นที่เสี่ยง ร่วมจัดตั้งหน่วยปฏิบัติการ “ผู้พันวิทย์ อว.” ซึ่งเป็นศูนย์ปฏิบัติการเฝ้าระวัง เตือนภัย ให้ความรู้ และป้องกันแก้ไขสถานการณ์ต่าง ๆ ด้วยองค์ความรู้ทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ให้ข้อแนะนำแก่ประชาชน นอกจากนี้ ได้ประสานงานกับห้องปฏิบัติการของมหาวิทยาลัยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพือทำหน้าที่ “ศูนย์วิทยาศาสตร์บริการร่วม” ขยายขอบข่ายจัดตั้ง “ศูนย์บริการให้คำปรึกษา อว. อย. และ สมอ.” ร่วมให้บริการ ณ จุดเดียว สนับสนุนการตรวจสอบคุณภาพเป็นส่วนสำคัญในการเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจระดับชุมชน ส่งเสริมงานวิจัยและพัฒนาเพื่อต่อยอดสู่ภาคอุตสาหกรรมในระดับพื้นที่ให้ครอบคลุมทั่วประเทศ เป็นต้น
กรมวิทย์ฯ บริการ ก้าวสู่ยุคใหม่กับนวัตกรรมเพื่ออนาคต เตรียมความพร้อมนำประเทศไทยสู่ศูนย์กลางเทคโนโลยีและนวัตกรรมระดับภูมิภาค โดยจัดตั้ง “สถาบันนวัตกรรมหุ่นยนต์และยานยนต์ไร้คนขับ” สร้างสนามทดสอบยานยนต์เชื่อมต่อและขับขี่อัตโนมัติ (CAV Proving Ground) และเครื่องมือทดสอบที่เกี่ยวข้อง ในพื้นที่ EECi วังจันทร์วัลเลย์ อ.วังจันทร์ จ.ระยอง เป็นสนามทดสอบระบบอัตโนมัติระดับ SAE AV Level 3-5 รองรับการทดสอบผลิตภัณฑ์ เสริมความปลอดภัย และการวิจัยพัฒนาทั้งหุ่นยนต์และยานยนต์ไร้คนขับ ขณะนี้กำลังขยายการลงทุนด้านอุปกรณ์การเชื่อมต่อ 5G Private Network เพื่อการทดสอบด้าน Connectivity อย่างเต็มรูปแบบ ที่สามารถจำลองสถานการณ์ และสภาพแวดล้อมการเชื่อมต่อในทุกรูปแบบ ซึ่งจะเป็นโครงสร้างพื้นฐานสำคัญสำหรับการทดสอบยานยนต์ขับขี่อัตโนมัติจากต่างประเทศก่อนที่จะสามารถนำรถมาทดสอบบนถนนจริงของประเทศไทย รวมไปถึงการศึกษา วิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีขับขี่อัตโนมัติขั้นสูงในประเทศไทย และเป็นกลไกสำคัญในการลดการบาดเจ็บและเสียชีวิตจากอุบัติเหตุจราจร ด้วยระบบยานยนต์อัตโนมัติ
ทั้งนี้ กรมวิทย์ฯ บริการ มีความมุ่งมั่นพัฒนาและเสริมสร้างความสามารถในการแข่งขันของประเทศ โดยการนำวิทยาศาสตร์และนวัตกรรมมาใช้ประโยชน์อย่างเป็นรูปธรรมเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชน และยกระดับความเป็นอยู่ของสังคมไทยในทุกมิติ สร้างรากฐานในการทำงานเพื่อการนำวิทยาศาสตร์สู่การดูแลประชาชน และเกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืนของประเทศ ต่อยอดสู่การสร้างสรรค์สังคมที่ดี สิ่งแวดล้อมที่ปลอดภัย และการดำรงชีวิตของประชาชนที่มีคุณภาพ ครอบคลุมถึงการวางรากฐานองค์ความรู้ด้วยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เสริมสร้างขีดความสามารถของบุคลากรในท้องถิ่น และสร้างเครือข่ายความร่วมมือที่เข้มแข็งกับทุกภาคส่วน ตั้งแต่ชุมชนระดับท้องถิ่นไปจนถึงภาคอุตสาหกรรมระดับประเทศต่อไป