สธ. จับมือ มท.ร่วมแก้ปัญหาที่ดิน รพ.สต.ถ่ายโอน เร่งขออนุญาตใช้ที่ดินตามกฎหมายแต่ละประเภท

รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข หารือรองปลัดกระทรวงมหาดไทย ร่วมแก้ปัญหาที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง รพ.สต.ที่ถ่ายโอนภารกิจไปยัง อบจ. ให้เร่งขออนุญาตใช้ที่ดินแต่ละประเภทตามกฎหมาย ทั้งที่ดินป่าไม้ ที่ราชพัสดุ ที่ดิน ส.ป.ก. ที่สาธารณะ ที่ธรณีสงฆ์ และที่ดินบริจาค เล็งประเมินผลระยะ 3 ปี เพื่อปรับแนวทางการถ่ายโอนให้เหมาะสม หลังพบปัญหาจากไม่ได้ประเมินความพร้อม รพ.สต. ก่อนถ่ายโอน

วันที่ 10 มกราคม 2568 นพ.ภูวเดช สุระโคตร รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงกรณีข่าวปัญหาการถ่ายโอนที่ดินและสิ่งก่อสร้างของโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) ที่ถ่ายโอนภารกิจไปยังสังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ยังไม่ได้ขออนุญาตการใช้ที่ดินตามกฎหมาย ว่า ที่ผ่านมา กระทรวงสาธารณสุขได้จัดทำคำสั่งมอบอำนาจให้นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดปฏิบัติราชการแทนปลัดกระทรวงสาธารณสุข เป็นผู้ดำเนินการโอนเปลี่ยนแปลงการใช้ประโยชน์ในที่ดิน ครุภัณฑ์ สิ่งก่อสร้าง ของ รพ.สต.ที่ถ่ายโอนภารกิจไปยัง อบจ. แต่พบว่า รพ.สต.หลายแห่งยังมีปัญหาการถ่ายโอนที่ดินและสิ่งก่อสร้าง เนื่องจากอยู่ระหว่างดำเนินการขออนุญาตใช้ที่ดินให้ถูกต้องตามประเภทที่ดิน เช่น ที่ดินป่าไม้ ต้องดำเนินการตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ ที่ราชพัสดุ ที่ดิน ส.ป.ก.(สำนักปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม) ที่สาธารณะ ที่ธรณีสงฆ์ และที่ดินบริจาค ล่าสุด เมื่อวันที่ 9 มกราคม ที่ผ่านมา จึงได้เข้าพบ นายสันติธร ยิ้มละมัย รองปลัดกระทรวงมหาดไทย ที่กระทรวงมหาดไทย เพื่อปรึกษาหารือในประเด็นดังกล่าว และได้ข้อสรุปว่า จะร่วมกันเร่งดำเนินการตามแนวทางระเบียบ กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับที่ดินแต่ละประเภท

“ปัญหานี้เกิดจากความไม่พร้อมของพื้นที่ในการถ่ายโอน เพราะระเบียบขั้นตอนการถ่ายโอนภารกิจ รพ.สต.ไปยังอบจ. มีเพียงแค่การประเมิน อบจ. แต่ไม่ได้มีการประเมินความพร้อมของ รพ.สต.ที่จะถูกถ่ายโอน ต่างจากแนวทางการถ่ายโอน รพ.สต.ให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ในระดับเทศบาลหรือองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ซึ่งขั้นตอนการถ่ายโอนจะมีการประเมินความพร้อมของ รพ.สต.ด้วย ทั้งในด้านการบริหารจัดการ ด้านบริการ และอัตรากำลัง ทำให้การถ่ายโอนไปเทศบาลหรือ อบต.ไม่ค่อยพบปัญหาในการดำเนินการ” นพ.ภูวเดชกล่าว

นพ.ภูวเดชกล่าวต่อว่า สำหรับการถ่ายโอนภารกิจ รพ.สต.ไปยังอบจ.ที่ดำเนินการมาถึง 3 ปีแล้ว เห็นว่าควรมีการประเมินผลทั้งในด้านของการให้บริการ และผลลัพธ์ทางสุขภาพของประชาชนในพื้นที่ เพื่อนำมาเป็นแนวทางในการกำหนดทิศทางและรูปแบบในการถ่ายโอนภารกิจ รพ.สต.ต่อไป โดยกระทรวงสาธารณสุขพร้อมสนับสนุนและให้ความร่วมมือด้านวิชาการและแนวทางดำเนินการตาม พ.ร.บ.ระบบสุขภาพปฐมภูมิ พ.ศ.2562 ซึ่งเป็นกฎหมายหลักในการควบคุมกำกับ รพ.สต.ซึ่งเป็นหน่วยบริการปฐมภูมิให้สามารถจัดบริการสุขภาพปฐมภูมิให้กับประชาชนได้อย่างมีคุณภาพตามมาตรฐาน