อธิบดีกรมทางหลวงชนบท ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์อุทกภัยบนโครงข่ายทางหลวงชนบทในพื้นที่ จ.นครศรีธรรมราช จ.สุราษฎร์ธานี พร้อมมอบถุงยังชีพให้ประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากอุทกภัย

วันที่ 19 ธันวาคม 2567 นายมนตรี เดชาสกุลสม อธิบดีกรมทางหลวงชนบท เปิดเผยว่า หลังเกิดสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้ ส่งผลกระทบต่อประชาชนเป็นจำนวนมาก โดนเฉพาะเกิดน้ำท่วมปิดทับเส้นทางการจราจรบนโครงข่ายทางหลวงชนบท ตลอดจนพบสายทางหลวงชนบทได้รับความเสียหายจากเหตุการณ์ครั้งนี้ จึงได้ลงพื้นที่เพื่อติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด โดยลงสำรวจความเสียหายและติดตามการซ่อมแซมสายทางในพื้นที่ 2 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดนครศรีธรรมราช จำนวน 3 สายทาง ดังนี้ 1. ถนนทางหลวงชนบทสาย นศ.3050 แยก ทล.401 – บ้านนอกท่า อำเภอเมือง, พรหมคีรี, 2. ถนนทางหลวงชนบทสาย นศ.3007 แยก ทล.401 (กม.ที่ 110+100) – บ้านน้ำตก อำเภอท่าศาลา, นบพิตำ บริเวณสะพานข้ามคลองกลาย และ 3. ถนนทางหลวงชนบทสาย นศ.4048 แยก ทล.4105 (กม.ที่ 9+300) – บ้านปลักปลา อำเภอสิชล, ท่าศาลา และจังหวัดสุราษฎร์ธานีจำนวน 1 สายทาง ได้แก่ ถนนทางหลวงชนบทสาย สฎ.3011 แยก ทล.4021 – บ้านกรูด อำเภอกาญจนดิษฐ์ พร้อมนำอาหาร เครื่องดื่ม และของใช้จำเป็นมาแจกจ่ายให้กับผู้ประสบอุทกภัยในรูปแบบถุงยังชีพ เพื่อเป็นการให้กำลังใจและช่วยบรรเทาความเดือดร้อนในเบื้องต้น รวมทั้งได้แสดงความห่วงใยและให้กำลังใจกับประชาชน พร้อมทั้งยืนยันถึงความพร้อมของกรมทางหลวงชนบท (ทช.) ที่จะช่วยเหลือประชาชนอย่างเต็มกำลังจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลายกลับสู่สภาวะปกติ

อธิบดีกรมทางหลวงชนบท กล่าวเพิ่มเติม หลังการลงตรวจติดตามความเสียหายของสายทางหลวงชนบทในพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราชพบว่า ขณะนี้ถนนทางหลวงชนบทสาย นศ.3007 แยก ทล.401 (กม.ที่ 110+100) – บ้านน้ำตก อำเภอท่าศาลา, นบพิตำ บริเวณสะพานข้ามคลองกลาย ที่ได้รับความเสียหายจากมวลน้ำพัดตอม่อและพื้นสะพานช่วงกลางสะพานขาด ส่งผลให้ประชาชนไม่สามารถใช้สะพานดังกล่าวในการสัญจรไปมาได้ ปัจจุบันสำนักงานทางหลวงชนบทที่ 11 (สุราษฎร์ธานี) แขวงทางหลวงชนบทนครศรีธรรมราช และหมวดบำรุงทางหลวงชนบทสิชล ได้ดำเนินการติดตั้งสะพานเหล็กสำเร็จรูป (Bailey Bridge) และเปิดให้ประชาชนใช้สัญจรเป็นการชั่วคราวแล้ว ในส่วนของถนนทางหลวงชนบทสาย นศ.4048 แยก ทล.4105 (กม.ที่ 9+300) – บ้านปลักปลา อำเภอสิชล, ท่าศาลา ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการซ่อมแซมคอสะพานหลังน้ำกัดเซาะจนได้รับเสียหาย จึงได้เน้นย้ำและกำชับในช่วงระหว่างการซ่อมแซมให้จัดเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังสายทางอย่างใกล้ชิด พร้อมทั้งให้ดำเนินการติดตั้งป้ายเตือน สัญญาณไฟ และอุปกรณ์อำนวยความปลอดภัยให้ประชาชนสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนทั้งกลางวันและกลางคืน เพื่อป้องกันอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นกับประชาชนและเจ้าหน้าที่ได้ ทั้งนี้ หากการซ่อมแซมแล้วเสร็จและพร้อมสำหรับการเปิดให้ประชาชนใช้สัญจร ให้จัดการสายทางให้เรียบร้อยเพื่อประชาชนจะได้เดินทางได้อย่างสะดวกปลอดภัยโดยเร็วต่อ ไป

อธิบดีฯ กล่าวทิ้งท้ายว่า ทั้งนี้ได้สั่งการกำชับให้สำนักงานทางหลวงชนบทและแขวงทางหลวงชนบททุกแห่งในพื้นที่เกิดเหตุอุทกภัย ลงพื้นที่ช่วยเหลือประชาชนอย่างเต็มที่ พร้อมเฝ้าระวังบนสายทางที่ได้รับผลกระทบอย่างต่อเนื่องตลอด 24 ชม. และให้รายงานสถานการณ์ให้กับประชาชนได้รับทราบเป็นระยะ ๆ หากสถานการณ์เริ่มคลี่คลายให้จัดเจ้าหน้าที่สำรวจความเสียหายและเร่งดำเนินการฟื้นฟู ซ่อมแซมสายทางโดยเร็ว เพื่ออำนวยความสะดวกปลอดภัยในการเดินทางของประชาชน ทั้งนี้หากประชาชนที่ได้รับผลกระทบหรือต้องการความช่วยเหลือสามารถติดต่อได้ที่สำนักงานทางหลวงชนบทและแขวงทางหลวงชนบทในพื้นที่ หรือโทรสายด่วนกรมทางหลวงชนบท 1146