สถานการณ์การท่องเที่ยวระหว่างวันที่ 2 – 8 ธันวาคม 2567

​​นายสรวงศ์ เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยผลการประเมินเบื้องต้นนักท่องเที่ยว พบว่า สำหรับในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาภายหลังจากเหตุอุทกภัย ในอำเภอหาดใหญ่ และ3จังหวัดชายแดนภาคใต้ (จังหวัดปัตตานี ยะลา นราธิวาส) สิ้นสุดลงนั้น นักท่องเที่ยว กลุ่มตลาดระยะใกล้ (Short haul) โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวชาวมาเลเซียกลับมาฟื้นตัวด้านการเดินทาง โดยเดินทางเข้ามาเพิ่มขึ้น 15,661 คน หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 24.58 ในขณะที่นักท่องเที่ยวกลุ่มตลาดระยะไกล (Long haul) มีการปรับตัวด้านการเดินทางเพิ่มขึ้นจากเดิมเล็กน้อย จากการเพิ่มขึ้นของนักท่องเที่ยวกลุ่มตลาดสแกนดิเนเวีย อาทิ สวีเดน นอร์เวย์ และฟินแลนด์ ส่งผลให้ภาพรวมในสัปดาห์นี้ มีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งสิ้น 699,129 คน ลดลงจากสัปดาห์ก่อนหน้า 7,253 คน หรือร้อยละ 1.03 คิดเป็นจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้าประเทศไทยเฉลี่ยวันละ 99,876 คน โดย 5 อันดับแรกของนักท่องเที่ยวต่างชาติ ได้แก่ จีน (111,468 คน) มาเลเซีย (79,386 คน) รัสเซีย (47,893 คน) อินเดีย (46,094 คน) และเกาหลีใต้ (37,823 คน) โดยนักท่องเที่ยวมาเลเซีย มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ก่อนหน้า ร้อยละ 24.58 ในขณะที่นักท่องเที่ยวจีน เกาหลีใต้ อินเดีย และรัสเซีย มีการปรับตัวลดลงจากสัปดาห์ก่อนหน้าเล็กน้อย

สําหรับในสัปดาห์ถัดไป คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาเพิ่มขึ้น จากปัจจัยที่สำคัญ ได้แก่ การเข้าสู่ฤดูกาลท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวกลุ่มตลาดระยะไกล (Long haul) โดยเฉพาะตลาดภูมิภาคยุโรป การมีมาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยวที่มีผลต่อจำนวนที่นั่งเข้าไทย (Seat Capacity) ระหว่างเดือนกรกฎาคมมาจนถึงเดือนสิ้นปี เพิ่มขึ้นร้อยละ 10 การมีมาตรการ Ease of traveling ของรัฐบาล ที่ช่วยเพิ่มการอํานวยความสะดวกในการเดินทางสู่ไทย การยกเว้นบัตร ตม.6 ในด่านทางบก รวมถึงการกระตุ้นและส่งเสริมให้สายการบินเพิ่มจํานวนเที่ยวบินมากยิ่งขึ้น

​​สําหรับภาพรวมการท่องเที่ยวในสัปดาห์นี้ โดยข้อมูล ณ วันที่ 9 ธ.ค. 67 พบว่า ประเทศไทยมีจำนวนนักท่องเที่ยวสะสมตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. – 8 ธ.ค. 67 ที่ผ่านมาทั้งสิ้น 32,719,298 คน สร้างรายได้จากการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวต่างชาติแล้วประมาณ 1,535,154 ล้านบาท โดยจำนวนนักท่องเที่ยวสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ จีน (6,325,694 คน) มาเลเซีย (4,586,284 คน) อินเดีย (1,961,246 คน) เกาหลีใต้ (1,723,423 คน) และรัสเซีย (1,551,205 คน)