ตามที่มีข่าวผู้ซื้อทรัพย์จากกรมบังคับคดีซึ่งเป็นผู้จัดการมรดกของเจ้าหนี้ในคดีถูกสามีของจำเลยยิงเสียชีวิต นั้น
นางเพ็ญรวี มาแสง รองอธิบดีกรมบังคับคดี ในฐานะโฆษกกรมบังคับคดี ชี้แจงว่า กรณีที่ผู้ซื้อทรัพย์ได้จากการขายทอดตลาดของกรมบังคับคดี โดยได้ชำระราคาค่าซื้อทรัพย์ และได้จดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ ณ สำนักงานที่ดินแล้ว หากผู้ซื้อทรัพย์พบว่าเจ้าของเดิมและบริวารยังอาศัยอยู่ในทรัพย์ดังกล่าว ผู้ซื้อทรัพย์สามารถร้องขอต่อศาลเพื่อขอให้ศาลมีหมายบังคับคดีขับไล่เจ้าของเดิมและบริวารออกจากทรัพย์ดังกล่าวได้โดยไม่ต้องฟ้องเป็นคดีใหม่ แต่หากเจ้าของเดิมและบริวารยังไม่ย้ายออก ผู้ซื้อทรัพย์สามารถยื่นคำร้องขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดีรายงานศาลขอให้ออกหมายจับเจ้าของเดิมและบริวาร ซึ่งเป็นขั้นตอนตามที่กฎหมายบัญญัติไว้เมื่อผู้ซื้อทรัพย์ได้ดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายแล้วเจ้าของเดิม และบริวารได้ย้ายออกจากทรัพย์เรียบร้อย ผู้ซื้อทรัพย์มีหน้าที่รายงานให้เจ้าพนักงานบังคับคดีทราบ เพื่อรายงานศาลเพิกถอนหมายจับและทำการส่งมอบทรัพย์ให้แก่ผู้ซื้อทรัพย์ต่อไป นอกจากนี้ หากผู้ซื้อทรัพย์ประสงค์ที่จะขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดีเชิญเจ้าของเดิมมาเจรจาหาทางออกร่วมกันก็สามารถทำได้ในขณะเดียวกัน เจ้าของเดิมก็สามารถที่จะขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดีจัดเจรจาไกล่เกลี่ยกับผู้ซื้อทรัพย์ได้เช่นกัน ซึ่งวิธีดังกล่าวอาจนำไปสู่การระงับข้อพิพาทด้วยความสมานฉันท์ และเป็นที่พอใจของทุกฝ่ายได้โดยไม่ต้องดำเนินการบังคับคดี
ซึ่งในกรณีตามที่เป็นข่าว กรมบังคับคดีได้ดำเนินการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทชั้นบังคับคดีระหว่างผู้ซื้อทรัพย์ และจำเลยแล้วแม้การไกล่เกลี่ยจะมีผลให้จำเลยจะไม่สามารถซื้อทรัพย์คืนได้ แต่กรมบังคับคดีได้ประสานกับจังหวัดลพบุรีและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการเยียวยาให้ความช่วยเหลือแก่จำเลย โดยได้มีการสร้างบ้านในโครงการสังฆประชานุเคราะห์ให้กับจำเลย บนที่ดินของพี่สาวจำเลย ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากที่ดินพิพาท และมีพิธีส่งมอบบ้านให้แก่จำเลยแล้ว เมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน 2567 ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ หากต้องการทราบรายละเอียดเกี่ยวกับการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทชั้นบังคับคดีหรือขั้นตอนในการบังคับคดี สามารถสอบถามเจ้าพนักงานบังคับคดีได้ ณ สำนักงานบังคับคดีทั่วประเทศ หรือสอบถามที่สายด่วนบังคับคดี โทร 1111 ต่อ 79 หรือค้นหาข้อมูลได้จาก www.led.go.th