สถานการณ์การท่องเที่ยวระหว่างวันที่ 4 – 10 พฤศจิกายน 2567

นายสรวงศ์ เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมานักท่องเที่ยวกลุ่มตลาดระยะไกล (Long haul) ยังคงเป็นกลุ่มที่เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก โดยเดินทางเข้ามาเพิ่มขึ้นร้อยละ 16.85 จากสัปดาห์ที่ผ่านมา จากการเพิ่มขึ้นของนักท่องเที่ยวภูมิภาคยุโรป ภูมิภาคอเมริกา และโอเชียเนียทุกตลาด หลังเข้าสู่ช่วงฤดูกาลท่องเที่ยว (High season) ขณะที่นักท่องเที่ยวกลุ่มตลาระยะใกล้ (Short haul) เดินทางเข้ามาลดลง จากการชะลอตัวด้านการเดินทางหลังสิ้นสุดวันหยุดต่อเนื่องในสัปดาห์ก่อนหน้าของนักท่องเที่ยวชาวมาเลเซียที่เป็นกลุ่มตลาดหลัก ส่งผลให้ภาพรวมในสัปดาห์นี้ มีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งสิ้น 736,136 คน เพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ก่อนหน้า 34,174 คน หรือร้อยละ 4.87 คิดเป็นจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้าประเทศไทยเฉลี่ยวันละ 105,162 คน โดย 5 อันดับแรกของนักท่องเที่ยวต่างชาติ ได้แก่ จีน (103,150 คน) มาเลเซีย (89,463 คน) อินเดีย (51,478 คน) รัสเซีย (47,493 คน) และเกาหลีใต้ (34,763 คน) โดยนักท่องเที่ยวอินเดีย รัสเซีย เกาหลีใต้ และจีน มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ก่อนหน้า ร้อยละ 25.69 ร้อยละ 14.73 ร้อยละ 6.66 ร้อยละ 6.61 ตามลำดับ ในขณะที่นักท่องเที่ยวมาเลเซีย มีการปรับตัวลดลงจากสัปดาห์ก่อนหน้า ร้อยละ 27.34

สําหรับในสัปดาห์ถัดไป คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาเพิ่มขึ้น จากปัจจัยที่สำคัญ ได้แก่ การเข้าสู่ฤดูกาลท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวกลุ่มตลาดระยะไกล (Long haul) โดยเฉพาะตลาดภูมิภาคยุโรปการมีมาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยวที่มีผลต่อจำนวนที่นั่งเข้าไทย (Seat Capacity) ระหว่างเดือนกรกฎาคมมาจนถึงเดือนสิ้นปี เพิ่มขึ้นร้อยละ 10 การมีมาตรการ Ease of traveling ของรัฐบาล ที่ช่วยเพิ่มการอํานวยความสะดวกในการเดินทางสู่ไทย การยกเว้นบัตร ตม.6 ในด่านทางบก รวมถึงการกระตุ้นและส่งเสริมให้สายการบินเพิ่มจํานวนเที่ยวบินมากยิ่งขึ้น

สําหรับภาพรวมการท่องเที่ยวในสัปดาห์นี้ โดยข้อมูล ณ วันที่ 11 พ.ย. 67 พบว่า ประเทศไทยมีจำนวนนักท่องเที่ยวสะสมตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. – 10 พ.ย. 67 ที่ผ่านมาทั้งสิ้น 29,816,537 คน สร้างรายได้จากการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวต่างชาติแล้วประมาณ 1,393,927 ล้านบาท โดยจำนวนนักท่องเที่ยวสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ จีน (5,860,148 คน) มาเลเซีย (4,276,862 คน) อินเดีย (1,777,137 คน) เกาหลีใต้ (1,574,279 คน) และรัสเซีย (1,356,888 คน)