กระทรวงสาธารณสุข ลงนามร่วม กระทรวงคมนาคม ยกระดับความปลอดภัยทางถนน ลดการบาดเจ็บและเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนลงร้อยละ 50 ภายในปี 2573 ตามปฏิญญาสตอกโฮล์ม พัฒนากระบวนการออกใบอนุญาตขับรถตามมาตรฐานสากล ตรวจสุขภาพประเมินสมรรถนะผู้ขับขี่ก่อนออกหรือต่อใบอนุญาตขับรถ เริ่มกลุ่มแรกในผู้ขับขี่รถสาธารณะ รถบรรทุก รถนักเรียน รถพยาบาล และกู้ชีพกู้ภัย
วันที่ 6 พฤศจิกายน 2567 ที่ หอประชุมราชรถสโมสร กระทรวงคมนาคม กรุงเทพมหานคร นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เป็นประธานในพิธีบันทึกข้อตกลงความร่วมมือว่าด้วยการขับเคลื่อนความปลอดภัยทางถนน ระหว่าง นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กับ นายชยธรรม์ พรหมศร ปลัดกระทรวงคมนาคม โดยมี นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ร่วมเป็นสักขีพยาน
นายสุริยะ กล่าวว่า รัฐบาลโดย นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้ความสำคัญเร่งด่วนในการลดปัญหาอุบัติเหตุทางถนน ซึ่งเป็นประเด็นท้าทายที่ทุกภาคส่วนต้องร่วมกันขับเคลื่อนให้เกิดผลเป็นรูปธรรม ภายใต้กรอบการพัฒนาอย่างยั่งยืน (SDGs) ขององค์การสหประชาชาติ และบรรลุตามเป้าหมายทศวรรษแห่งความปลอดภัยทางถนน 2021-2030 ตามปฏิญญาสตอกโฮล์ม ที่กำหนดให้ลดการเสียชีวิตและการบาดเจ็บจากอุบัติเหตุทางถนนลง ร้อยละ 50 ภายในปี พ.ศ. 2573 รวมถึงแผนแม่บทความปลอดภัยทางถนนของประเทศไทย ที่มีเป้าหมายลดผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนเป็น 12 คนต่อแสนประชากร ภายในปี พ.ศ. 2570 ซึ่งจากรายงานสถานการณ์โลกด้านความปลอดภัยทางถนน พ.ศ. 2566 โดยองค์การอนามัยโลก พบว่า ประเทศไทยยังมีผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนน 25 คนต่อแสนประชากร กระทรวงคมนาคมจึงมุ่งมั่นพัฒนาระบบการคมนาคมขนส่งทางถนน ซึ่งเป็นหัวใจในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจระดับประเทศและเป็นส่วนสำคัญของการพัฒนาคุณภาพชีวิตประชาชนในการเดินทางให้มีประสิทธิภาพและความปลอดภัยโดยเร่งขับเคลื่อนการดำเนินงานเพื่อให้เกิดความปลอดภัยทุกมิติ อาทิ ยกระดับมาตรฐานการออกใบอนุญาตขับรถ พัฒนามาตรฐานยานยนต์ให้เป็นมาตรฐานสากล UN Regulations ตลอดจนบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด รวมถึงบูรณาการกับภาคส่วนต่าง ๆ
ด้าน นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ในแต่ละปี ประเทศไทยมีผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนเฉลี่ย 18,000 ราย บาดเจ็บกว่า 1 ล้านราย พิการกว่า 10,000 ราย คิดเป็นมูลค่าความเสียหายทางเศรษฐกิจกว่า 600,000 ล้านบาท กระทรวงสาธารณสุขจึงได้พัฒนาระบบการแพทย์ฉุกเฉิน เพื่อให้ประชาชนได้รับการรักษาที่ทันท่วงทีและมีประสิทธิภาพ อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญคือการป้องกันไม่ให้เกิดอุบัติเหตุ ซึ่งทุกภาคส่วนต้องร่วมมือกันดำเนินงานอย่างเข้มแข็ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องความพร้อมด้านสุขภาพของผู้ขับขี่ยานพาหนะที่มีส่วนสำคัญในการช่วยให้การเดินทางมีความปลอดภัย
การลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือครั้งนี้จึงมุ่งยกระดับและพัฒนากระบวนการออกใบอนุญาตขับรถให้มีคุณภาพสอดคล้องกับมาตรฐานสากลโดยจะพิจารณาและปรับปรุงกฎระเบียบรองรับการตรวจคัดกรองสุขภาพและตรวจประเมินสมรรถนะผู้ขับรถ พัฒนาและนำระบบดิจิทัลที่เหมาะสมมาใช้ในการบริหารจัดการและบริการประชาชน พัฒนามาตรฐานการตรวจและประเมินสมรรถนะทางสุขภาพของผู้ขับขี่ (Medical Fitness to Drive)และเชื่อมโยงข้อมูลใบรับรองแพทย์ในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์สำหรับการขอรับและขอต่ออายุใบอนุญาตขับรถตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์ และใบอนุญาตผู้ประจำรถตามกฎหมายว่าด้วยการขนส่งทางบก พัฒนาคลินิกประเมินสมรรถนะทางสุขภาพผู้ขับขี่ผ่านคลินิกอาชีวเวชกรรมในโรงพยาบาล โดยจะเริ่มดำเนินการในกลุ่มผู้ขับขี่รถสาธารณะ รถบรรทุก รถนักเรียน รถพยาบาล และกู้ชีพ กู้ภัย เป็นกลุ่มแรก