เมื่อวันที่ 21 ต.ค.ที่ห้องประชุมองค์การเภสัชกรรม นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้เดินทางมาตรวจเยี่ยมพร้อมมอบนโยบายการดำเนินงานขององค์การเภสัชกรรม โดยมีนพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข และประธานกรรมการองค์การเภสัชกรรม คณะกรรมการองค์การเภสัชกรรม คณะผู้บริหาร พนักงานองค์การเภสัชกรรม ให้การต้อนรับ
โดยนายสมศักดิ์ กล่าวว่า องค์การเภสัชกรรมเป็นทั้งหน่วยงานที่ทำหน้าที่ในการผลิต จำหน่าย และสั่งซื้อยาและเวชภัณฑ์ มาจำหน่าย เป็นองค์กรกลางที่ทำหน้าที่ในการให้ประชาชนหรือองค์กรของรัฐได้ใช้ยาและเวชภัณฑ์ราคาไม่สูง มีหลายสิ่งที่ได้ลงทุนไปแล้ว แต่จะต้องปรับปรุงเสมอ เพราะสถานการณ์ของโลกเปลี่ยนแปลงไป เชื้อโรคบางชนิดก็ลดลงไป บางชนิดก็มีมาใหม่ อย่างโควิด-19 ในอดีตเคยมีความรุนแรงวันนี้ก็เบาบางลงไป วันนี้ก็ได้พูดคุยกันทำความเข้าใจหลายๆ อย่างกับองค์การเภสัชกรรม และอยากให้ภาคเอกชนทำความเข้าใจว่า การขึ้นทะเบียนยา หรือผลิตภัณฑ์ต่างๆ นั้น ต้องใช้เวลา ต้องมีข้อมูลที่ครบถ้วนที่จะสามารถขึ้นทะเบียนได้อย่างถูกต้อง คำนึงถึงความปลอดภัย
“อยากจะพูดถึงสมุนไพรที่เรียกว่าปีกไก่ดำ พืชสมุนไพรที่มีความต้องการเป็นอย่างมาก เนื่องจากบางช่วงขาดตลาด เลยคิดว่าอยากจะส่งเสริม อาจจะต้องประสานหน่วยงานวิชาการ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ หรือหน่วยงานอื่นๆ จับมือสนับสนุนให้เกษตรกรปลูกให้ถูกวิธีและขาย แต่สมุนไพรตัวอื่นเราไม่ได้ขาดแคลน อย่างสมุนไพรช่วยแก้น้ำเหลืองเสีย ไฟโทเพล็กซ์ (GPO Phytoplex) ขององค์การเภสัชกรรม ได้ขึ้นทะเบียนยาสมุนไพรไปแล้วมีสมุนไพรหลายชนิดและส่วนใหญ่ไม่ได้ขาดแคลน”นายสมศักดิ์ กล่าว
นอกจากนี้ นายสมศักดิ์ ได้ให้นโยบายว่า องค์การเภสัชกรรมจะต้องดำเนินการช่วยเหลือประชาชนให้เข้าถึงยาและเวชภัณฑ์ที่ราคาถูก เนื่องจากที่ผ่านมาองค์การเภสัชกรรมมีกำไรเพียงพออยู่แล้ว และให้องค์การเภสัชกรรมศึกษาเพิ่มเติมว่าสิ่งที่ผลิตออกมาแล้วไม่ว่าจะขาย หรือทำการประชาสัมพันธ์ ทั่วโลกให้การยอมรับหรือมีความปลอดภัยหรือไม่
ด้านนพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ กล่าวว่า องค์การเภสัชกรรม เร่งดำเนินการโครงการโรงงานผลิตยารังสิต ระยะที่ 2 ตั้งอยู่ในพื้นที่องค์การเภสัชกรรม (คลอง10) อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี ให้แล้วเสร็จและเปิดดำเนินการได้โดยเร็ว โดยมีการผลิตกลุ่มยารักษาโรคเรื้อรัง ยาที่มีมูลค่าการใช้สูง ยาจำเป็น ได้แก่ ยารักษาโรคเอดส์ เบาหวาน ความดัน ลดไขมันในเส้นเลือด วัณโรค ยาช่วยชีวิต ยาชา ยาฆ่าเชื้อ วิตามิน ยาน้ำ ยาฉีด ยาครีม/ขี้ผึ้ง และยาเม็ด รวมทั้งหมดทั้งยาเก่าและยาใหม่ ประมาณ 160 รายการ จะทำให้สามารถขยายกำลังการผลิตยาเพิ่มขึ้นจากเดิมกว่า 1 เท่าตัว ซึ่งจะช่วยรัฐประหยัดค่าใช้จ่ายด้านยาได้มากกว่ามูลค่าในปัจจุบันที่ประหยัดได้มากกว่าถึงปีละ 7,500 ล้านบาท องค์การเภสัชกรรมในวันนี้ มุ่งหวังที่จะให้องค์การฯสร้างความมั่นคงทางยา มียาใช้เพียงพอ พร้อมทั้งเป็นฟันเฟืองสำคัญในการรักษาระดับราคายาและเวชภัณฑ์ที่จำเป็นต่อสังคมไทยเพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าถึง รวมทั้งสนองนโยบายรัฐบาลในเรื่องของการส่งเสริมสมุนไพรไทย โดยองค์การเภสัชกรรมดำเนินการวิจัยและพัฒนาเพื่อยกระดับผลิตภัณฑ์จากสมุนไพรไทยให้ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคในประเทศและตลาดต่างประเทศอย่างตรงจุด ทันสมัยและมีประสิทธิภาพมากขึ้น