สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ได้ติดตามการคาดการณ์สภาพอากาศ พบลมตะวันออกและลมตะวันออกเฉียงใต้พัดนำความชื้นจากทะเลจีนใต้และอ่าวไทยเข้ามาปกคลุมประเทศไทยตอนบน ในขณะที่ร่องมรสุมพาดผ่านภาคใต้ ทำให้ประเทศไทยตอนบน ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันออก มีฝนตกหนักมากบางพื้นที่ ทั้งนี้ สทนช. ได้ประเมินวิเคราะห์สถานการณ์น้ำตามฝนคาดการณ์จากกรมอุตุนิยมวิทยา และสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (องค์การมหาชน) และการคาดการณ์พื้นที่เสี่ยงน้ำหลากและพื้นที่เสี่ยงดินโคลนถล่มบริเวณพื้นที่ต้นน้ำ จากกรมทรัพยากรน้ำและกรมทรัพยากรธรณี พบว่ามีพื้นที่เสี่ยงต้องเฝ้าระวัง ในช่วงวันที่ 19 – 23 ตุลาคม 2567 ดังนี้
1. พื้นที่เสี่ยงน้ำท่วมขังในเขตชุมชนเมืองที่เกิดน้ำท่วมขังอยู่เป็นประจำเนื่องจากระบายไม่ทัน บริเวณ จังหวัดนครปฐม (อำเภอเมืองนครปฐม กำแพงแสน ดอนตูม นครชัยศรี พุทธมณฑล และสามพราน) จังหวัดสมุทรสาคร (อำเภอเมืองสมุทรสาคร บ้านแพ้ว และกระทุ่มแบน) จังหวัดนนทบุรี (อำเภอเมืองนนทบุรี ปากเกร็ด บางบัวทอง และบางกรวย) จังหวัดสมุทรปราการ (อำเภอเมืองสมุทรปราการ พระสมุทรเจดีย์ พระประแดง บางพลี บางบ่อ และบางเสาธง) กรุงเทพมหานคร (เขตพระนคร สัมพันธวงศ์ ป้อมปราบศัตรูพ่าย บางรัก คลองสาน ทวีวัฒนา ตลิ่งชัน บางกอกน้อย บางกอกใหญ่ ธนบุรี บางคอแหลม สาทร ยานนาวา บางแคราษฎร์บูรณะ หนองแขม ภาษีเจริญ บางบอน จอมทอง ทุ่งครุ และบางขุนเทียน)
2. พื้นที่เสี่ยงน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก ดินโคลนถล่ม ดังนี้
2.1 ภาคตะวันตก จังหวัดกาญจนบุรี (อำเภอเมืองกาญจนบุรี ด่านมะขามเตี้ย พนมทวน และท่ามะกา) จังหวัดราชบุรี (อำเภอเมืองราชบุรี สวนผึ้ง จอมบึง บ้านคา โพธาราม และบ้านโป่ง) จังหวัดเพชรบุรี (อำเภอแก่งกระจาน) จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ (อำเภอทับสะแก บางสะพาน และบางสะพานน้อย)
2.2 ภาคตะวันออก จังหวัดฉะเชิงเทรา (อำเภอท่าตะเกียบ และสนามชัยเขต)
จังหวัดปราจีนบุรี (อำเภอเมืองปราจีนบุรี ประจันตคาม นาดี และกบินทร์บุรี) จังหวัดสระแก้ว (อำเภอเมืองสระแก้ว และอรัญประเทศ) จังหวัดชลบุรี (อำเภอเมืองชลบุรี ศรีราชา บางละมุง และสัตหีบ) จังหวัดระยอง (อำเภอเมืองระยอง บ้านค่าย ปลวกแดง และนิคมพัฒนา) จังหวัดจันทบุรี (อำเภอเมืองจันทบุรี ขลุง ท่าใหม่ เขาคิชฌกูฏ และมะขาม) จังหวัดตราด (อำเภอเมืองตราด บ่อไร่ เขาสมิง คลองใหญ่ และแหลมงอบ)
2.3 ภาคใต้ จังหวัดชุมพร (อำเภอเมืองชุมพร สวี ทุ่งตะโก หลังสวน และพะโต๊ะ) จังหวัดระนอง (อำเภอเมืองระนอง กระบุรี ละอุ่น กะเปอร์ และสุขสำราญ) จังหวัดพังงา (อำเภอตะกั่วป่า และกะปง) จังหวัดภูเก็ต (อำเภอเมืองภูเก็ต กะทู้ และถลาง) จังหวัดสุราษฎร์ธานี (อำเภอเมืองสุราษฎร์ธานี กาญจนดิษฐ์ พนม บ้านนาสาร บ้านนาเดิม พุนพิน เคียนซา พระแสง ดอนสัก และเกาะสมุย) จังหวัดตรัง (อำเภอเมืองตรัง ย่านตาขาว ห้วยยอด นาโยง และวังวิเศษ) จังหวัดสตูล (อำเภอเมืองสตูล) จังหวัดนครศรีธรรมราช (อำเภอเมืองนครศรีธรรมราช ปากพนัง เฉลิมพระเกียรติ พระพรหม ร่อนพิบูลย์ จุฬาภรณ์ ขนอม ทุ่งสง สิชล นบพิตำ ท่าศาลา พรหมคีรี ลานสกา เชียรใหญ่ ชะอวด และหัวไทร) จังหวัดพัทลุง (อำเภอเมืองพัทลุง และควนขนุน)จังหวัดสงขลา (อำเภอเมืองสงขลา กระแสสินธุ์ ระโนด นาทวี สิงหนคร หาดใหญ่ และรัตภูมิ) จังหวัดปัตตานี (อำเภอเมืองปัตตานี แม่ลาน กะพ้อ ทุ่งยางแดง ไม้แก่น ยะรัง สายบุรี ยะหริ่ง ปะนาเระ มายอ และหนองจิก) จังหวัดยะลา (อำเภอเมืองยะลา กรงปินัง เบตง ธารโต บันนังสตา กาบัง ยะหา และรามัน) จังหวัดนราธิวาส (อำเภอเมืองนราธิวาส ศรีสาคร เจาะไอร้อง แว้ง บาเจาะ ยี่งอ ระแงะ รือเสาะ จะแนะ สุคิริน สุไหงโก-ลก สุไหงปาดี และตากใบ)
3. เฝ้าระวังอ่างเก็บน้ำขนาดกลางและเล็กที่มีปริมาณน้ำมากกว่าร้อยละ 80 บริเวณจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ สุราษฎร์ธานี ภูเก็ต กระบี่ และอ่างเก็บน้ำที่มีสถิติปริมาณน้ำไหลเข้าอ่างเก็บน้ำมากกว่าความจุเก็บกัก ที่มีความเสี่ยงน้ำล้นอ่างฯ และส่งผลกระทบให้น้ำท่วมบริเวณด้านท้ายน้ำ สำหรับอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่โดยเฉพาะเขื่อนบางลาง จังหวัดยะลา ให้พิจารณาบริหารจัดการน้ำให้เหมาะสม ไม่ให้เกิดผลกระทบหรือเกิดผลกระทบบริเวณท้ายเขื่อนน้อยที่สุด
4. เฝ้าระวังระดับน้ำเพิ่มขึ้นอย่างฉับพลันและระดับน้ำล้นตลิ่งและท่วมขังในพื้นที่ลุ่มต่ำ บริเวณแม่น้ำสายหลักและลำน้ำสาขาของ คลองบางสะพาน คลองชุมพร แม่น้ำหลังสวน แม่น้ำตาปี คลองชะอวด คลองลำ คลองท่าแนะ แม่น้ำตรัง แม่น้ำสายบุรี แม่น้ำปัตตานี แม่น้ำบางนรา แม่น้ำโก-ลก และคลองตันหยงมัส
ในการนี้ เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมรับมือ ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องโปรดดำเนินการ ดังนี้
1. ติดตามสภาพอากาศและสถานการณ์น้ำอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะพื้นที่ที่มีฝนตกสะสมมากกว่า๙๐ มิลลิเมตร ในช่วงเวลา ๒๔ ชั่วโมง และพื้นที่จุดเสี่ยงที่เคยเกิดน้ำท่วมอยู่เป็นประจำ
2. ติดตาม ตรวจสอบ ซ่อมแซม แนวคันบริเวณริมแม่น้ำ และเร่งกำจัดสิ่งกีดขวางทางน้ำ พร้อมวางแผนการบริหารจัดการน้ำให้เหมาะสม ปรับการบริหารจัดการน้ำในแหล่งเก็บกักน้ำขนาดใหญ่ ขนาดกลาง ขนาดเล็ก น้ำในลำน้ำ รวมถึงเขื่อนระบายน้ำและประตูระบายน้ำ ให้สอดคล้องกันตั้งแต่ต้นน้ำ ถึงปลายน้ำและ อิทธิพลของการขึ้น – ลง ของน้ำทะเล โดยการเร่งระบายและพร่องน้ำรองรับสถานการณ์ฝนที่คาดว่าจะตกหนัก
3. เตรียมแผนรับสถานการณ์น้ำหลาก เตรียมความพร้อมบุคลากร เครื่องจักรเครื่องมือ กำจัดสิ่งกีดขวางทางน้ำ ลอกท่อระบายน้ำ และบูรณาการความพร้อมให้ความช่วยเหลือได้ทันที
4. ประชาสัมพันธ์สถานการณ์น้ำ และแจ้งเตือนล่วงหน้า ให้ประชาชนที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบ เตรียมพร้อมในการอพยพได้ทันท่วงทีหากเกิดสถานการณ์