6 กันยายน 2562 : เวลา 10.00 น.เวลา 10.00 น. โรงแรงแชงกรี-ลา กรุงเทพฯ ภายหลังพิธีเปิดการประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน ครั้งที่ 51 และการประชุมที่เกี่ยวข้อง นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า ตั้งแต่เมื่อวาน (5 กันยายน 2562) แล้วถัดจากนี้ไปหลังจากพิธีเปิดก็จะมีการประชุมอีก 5 วันต่อเนื่องกัน ตั้งแต่เช้าและก็ตลอดระยะเวลา 6 วันนี้โดยตนต้องนั่งเป็นประธานในที่ประชุมตลอดระยะเวลาซึ่งก็จะมีการประชุมหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของการประชุมการค้าเสรีอาเซียน การประชุมในระหว่างรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียนด้วยกัน หรือว่าการประชุมอาร์เซ็ป รวมทั้งการประชุมอาเซียนบวกคู่เจรจาแต่ละประเทศซึ่งมีอยู่ด้วยกัน 11 ประเทศ ที่จะต้องมีการเจรจา
นอกจากนั้นก็จะมีการเจรจาสองฝ่าย แล้วก็กับอีกหลายประเทศ ซึ่งก็จะมีการแทรกอยู่ในกำหนดการต่างๆ อย่างไรก็ตาม สำหรับเมื่อวานนี้ในระหว่างที่ได้คุยกันกับรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียนในช่วงอาหารค่ำ ก็มีความคืบหน้าในประเด็นที่มีแนวโน้มที่มีความเป็นไปได้สูง ที่จะทำให้การเจรจาอาร์เซ็ปสามารถที่จะเจรจาให้จบสิ้นภายในปีนี้นั้นได้ เพราะว่าสามารถที่จะมีแนวทางในการเข้าขจัดปัญหาอุปสรรคต่างๆไปได้
ส่วนการประชุมในวันนี้ (6 กันยายน 2562) จะเป็นเรื่องของการประชุมเขตการค้าเสรีอาเซียน ซึ่งประเด็นสำคัญก็คือ จะเป็นในเรื่องของการพยายามที่จะผลักดันให้มีการลดภาษีในการส่งออกสินค้าภายในประเทศ ไปในประเทศสมาชิกให้เป็นศูนย์โดยเร็วที่สุด ให้เป็นไปตามแผนการที่กำหนดไว้ในปี 2017 แล้วซึ่งล่วงเลยมาแล้ว แต่ว่าบางประเทศก็ยังไม่สามารถดำเนินการได้ครบถ้วน ดังนั้น วันนี้ก็คงจะได้มีการเจรจาทำความเข้าใจกัน เพื่อให้บรรลุผลย้อนหลังกลับไปตั้งแต่ปี 2017 ให้ได้
และสำหรับการประชุมถัดไป ในช่วงบ่ายวันนี้ จะเป็นการประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน 10 ประเทศ มีหัวข้อการหารือรายละเอียดต่างๆ ซึ่งจะแจ้งให้ทราบต่อไปว่าผลเป็นอย่างไร และจากนั้นก็ในช่วงอาหารค่ำวันนี้ ก็จะมีการประชุมเพื่อหารือร่วมกับสภาธุรกิจอาเซียน ซึ่งก็จะมีประเด็นที่คาดว่านักธุรกิจในกลุ่มอาเซียนก็คงจะนำเสนอปัญหาอุปสรรคที่ยังค้างคาอยู่ เพื่อที่จะช่วยส่งเสริมการค้าระหว่างกลุ่มประเทศอาเซียน ให้มีตัวเลขที่เพิ่มมูลค่าขึ้นโดยเร็ว รวมทั้งเรื่องการอำนวยความสะดวกต่างๆ ของภาครัฐ ของทั้ง 10 ประเทศให้กับภาคเอกชนของอาเซียน
นายจุรินทร์ กล่าวว่า ในส่วนของอาร์เซ็ป ถ้าสามารถเสร็จสิ้นปีนี้ ก็ได้เคยตกลงกันไว้แล้วตั้งแต่ตอนที่ตนเป็นประธานที่ประชุมที่ปักกิ่ง ประเทศจีน ว่าเราจะเร่งให้มีการลงนามโดยผู้นำประเทศโดยเร็วที่สุด และผลก็คือจะช่วย 15 ประเทศ สามารถที่จะมีตลาดการค้าเพิ่มขึ้นถึง 3,500 ล้านคน ก็คือประมาณทั้งครึ่งหนึ่งของประชากรทั้งโลก และทั้ง 16 ประเทศนี้ โดยมีจีดีพีรวมกันมูลค่าถึงร้อยละ 30 ของโลก เพราะฉะนั้นก็จะเป็นประโยชน์ร่วมกันทั้ง 16 ประเทศ รวมทั้งไทยด้วยตรงนี้จึงเป็นที่มาว่า ทำไมเราถึงพยายามเร่งให้การเจรจาจบสิ้นในปีนี้ให้ได้ เพื่อเป็นประโยชน์ร่วมกันทางการค้า
ต่อคำถามเรื่อง สภาธุรกิจอาเซียนเสนอว่าผู้นำอาเซียนควรจะมีบทบาทนำเสนอตัวว่าต่อต้านการค้าเทรดวอล์มากกว่านี้นั้น นายจุรินทร์ กล่าวว่า คิดว่าทุกประเทศก็จะมีแนวทางของตัวเองอยู่แล้วในการที่จะดำเนินการ เพราะว่าไม่มีประเทศไหนไม่ทราบสถานการณ์อันนี้แม้แต่ประเทศไทยเอง และในส่วนของกระทรวงพาณิชย์ ก็ได้จัดตั้งวอร์รูมขึ้นมาแล้วที่กระทรวงพาณิชย์ เพื่อที่จะฟันฝ่าอุปสรรคปัญหาที่จะเกิดขึ้นหรือผลกระทบที่จะเกิดขึ้นจากสงครามการค้าจีนสหรัฐ ซึ่งแนวทางรายละเอียดต่างๆ เช่น การจะต้องจับมือกันระหว่างภาครัฐเอกชนโดยใกล้ชิด ติดตามสถานการณ์โดยใกล้ชิด แล้วก็ดำเนินการเพื่อที่จะเพิ่มมูลค่าการค้าตัวเลขการส่งออกให้เกิดขึ้นโดยเร็ว และมีแผนงานที่ปรากฏในทางปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรมต่อไปด้วย