วันที่ 6 กันยายน 2562 เวลา 09.30 น. ณ โรงแรมแชงกรี-ลา กรุงเทพฯนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวต้อนรับในพิธีเปิดการประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน ครั้งที่ 51 และการประชุมที่เกี่ยวข้อง โดยมีนายกรัฐมนตรี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นประธานพิธีเปิดว่า ในการเป็นเจ้าภาพจัดขึ้นวันนี้เป็นที่ยินดีว่าตลอดระยะเวลา 52 ปีที่ผ่านมานับจากที่อาเซียนได้ก่อตั้งขึ้น ได้ ดำเนินความร่วมมือทางเศรษฐกิจของอาเซียนมีบทบาทสำคัญเป็นอย่างยิ่งในการสร้างความเข้มแข็งให้กับภูมิภาคซึ่งนำมาสู่เสถียรภาพและความมั่นคงของอาเซียน และยังส่งเสริมบทบาทและความสำคัญของอาเซียนให้เด่นชัดขึ้นในสายตาประชาคมโลก
นายจุรินทร์ กล่าวว่า การเติบโตทางเศรษฐกิจและการขยายตัวของการค้าการลงทุนของอาเซียนในช่วง 5 ทศวรรษที่ผ่านมา ล้วนเป็นผลสะท้อนถึงความสำเร็จที่มาจากการร่วมลงมือระหว่างสมาชิกอาเซียนในการดำเนินมาตรการรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจ และปัจจุบันแม้อาเซียนจะบรรลุเป้าหมายของการเป็นประชาคมไปแล้วตั้งแต่ปี 2558 แต่อาเซียนยังคงมุ่งมั่นที่จะพัฒนายกระดับขีดความสามารถในการแข่งขัน โดยมุ่งเน้นการรับมือต่อความท้าทายใหม่ๆ เช่น การเข้ามามีบทบาทมากขึ้นของเทคโนโลยีดิจิทัลและพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ในการประกอบธุรกิจ ในขณะเดียวกัน ก็ยังคงมุ่งเน้นการดำเนินงานต่อเนื่องในสิ่งที่ได้ดำเนินการมาแล้ว เช่น การอำนวยความสะดวกทางการค้าเพื่อลดต้นทุนและเพิ่มมูลค่าการค้าระหว่างกัน และการลดผลกระทบจากมาตรการทางการค้าที่มิใช่ภาษี
โดยปีนี้ที่ไทยรับตำแหน่งประธานอาเซียน นับว่าการดำเนินงานตามแผนงานประชาคมเศรษฐกิจฉบับปัจจุบันได้ดำเนินมาเกือบครึ่งทางแล้ว ประเด็นเศรษฐกิจที่ไทยผลักดันจึงมุ่งเน้นภายใต้แผนงานที่เห็นว่าจะต้องดำเนินงานต่อเนื่องหรือเร่งรัดให้บรรลุผลสำเร็จโดยเร็ว รวมทั้งเรื่องใหม่ๆที่อาเซียนยังไม่เคยมีการดำเนินงานมาก่อน โดยคำนึงถึงแนวทางที่ท่านพลเอกประยุทธ์ นายกรัฐมนตรีของไทยได้ให้ไว้
ในด้านการเตรียมการสู่อนาคต การจัดทำแผนงานด้านนวัตกรรมและแผนการดำเนินงานตามกรอบการบูรณาการด้านดิจิทัล ซึ่งเป็นการสานต่อจากสิ่งที่สิงคโปร์ได้ผลักดันไว้ถือเป็นการเตรียมความพร้อมในด้านโครงสร้างพื้นฐาน ในขณะที่การจัดทำแนวทางการพัฒนาภาคอุตสาหกรรมและการพัฒนาทักษะทรัพยากรมนุษย์เพื่อรองรับการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่4 (4IR) รวมทั้งการส่งเสริมการใช้ดิจิทัลสำหรับผู้ประกอบการรายย่อย ล้วนเป็นการเตรียมความพร้อมให้กับองค์ประกอบสำคัญ ที่เป็นตัวขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจอาเซียนให้มีการพัฒนาที่เป็นไปในทิศทางเดียวกัน
ด้านการสร้างความเชื่อมโยง เราคาดหมายว่าสมาชิกอาเซียนจะสามารถเข้าร่วมการเชื่อมโยงระบบอิเล็กทรอนิกส์ ณ จุดเดียวของอาเซียนได้ครบทั้ง 10 ประเทศภายในสิ้นปีนี้ เราส่งเสริมการใช้สกุลเงินท้องถิ่นเพื่อสนับสนุนการขยายตัวของการค้าการลงทุนในภูมิภาค นอกจากนี้ การจัดทำแผนแม่บทด้านการท่องเที่ยวเชิงอาหาร จะเป็นการนำศักยภาพของแต่ละประเทศสมาชิกมาช่วยสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจให้กับอาเซียนผ่านการท่องเที่ยว ซึ่งจะช่วยเชื่อมโยงการค้าและกระจายรายได้สู่ชุมชนมากขึ้น
ส่วนผลการเจรจาอาร์เซ็ป (RCEP) หรือ ความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค 16 ประเทศ จะช่วยเสริมสร้างความมีเสถียรภาพทางเศรษฐกิจการค้าและการลงทุนของอาเซียนกับประเทศคู่เจรจาให้มากขึ้น ซึ่งจะต้องอาศัยความร่วมมือจากสมาชิกอาร์เซ็ปทั้ง 16 ประเทศ ในการหาทางออกร่วมกันและแสดงความยืดหยุ่นต่อกันให้มากที่สุดในช่วงเวลา 3 เดือนที่เหลืออยู่นี้ เพื่อให้สามารถสรุปผลการเจรจาตามที่ผู้นำได้ตั้งเป้าหมายไว้ ละเรามีเวลาจะเจรจากันในครั้งนี้และอีกครั้งในเดือนพย.นี้ และหวังว่าจะจบตามเป้าหมายที่นายกรัฐมนตรีประเทศไทยตั้งเป้าไว้
สำหรับความยั่งยืนเป็นประเด็นที่ไทยต้องการสร้างความตระหนักในอาเซียนให้เพิ่มมากขึ้น ในปีนี้ อาเซียนจะได้เริ่มดำเนินความร่วมมือเพื่อต่อต้านการทำประมงไอยูยู จัดทำแนวทางการพัฒนาตลาดทุนเพื่อกระตุ้นให้ธุรกิจมีการดำเนินงานโดยคำนึงถึงการพัฒนาที่ยั่งยืน และมีความร่วมมือเพื่อเพิ่มการใช้พลังงานหมุนเวียนในอาเซียน ซึ่งจะเป็นจุดเริ่มต้นที่นำไปสู่การเติบโตของอาเซียนที่มีความสมดุล และยังคงไว้ซึ่งทรัพยากรธรรมชาติที่สามารถตอบสนองวิถีชีวิตและความต้องการของคนรุ่นหลังได้
ในช่วงเวลานี้ อาเซียนต้องเผชิญกับความท้าทายหลายประการจากปัจจัยแวดล้อมภายนอก อาเซียนจึงจำเป็นต้องร่วมมืออย่างใกล้ชิดเพื่อรักษาความเป็นเอกภาพและความเป็นแกนกลางของอาเซียน (ASEAN unity and centrality) เพื่อให้ประชาคมของเรามีความเข้มแข็งและสามารถก้าวพ้นจากความท้าทายดังกล่าว ซึ่งไทยพร้อมที่จะร่วมมือกับสมาชิกอาเซียนและหุ้นส่วนต่างๆ ของอาเซียน ในการขับเคลื่อนความร่วมมือทางเศรษฐกิจให้บรรลุเป้าหมายตามที่อาเซียนตั้งไว้ โดยไม่ทอดทิ้งใครไว้ข้างหลัง
นายจุรินทร์กล่าวในตอนท้ายว่า ในนามของรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน ขอขอบคุณนายกรัฐมนตรี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ได้ให้เกียรติมาเป็นประธานกล่าวเปิดการประชุม พร้อมทั้งได้ให้วิสัยทัศน์สำหรับการดำเนินงานของอาเซียนต่อไปในอนาคต นอกจากนั้นนายจุรินทร์ได้ขอบคุณประเทศสมาชิกอาเซียน คู่เจรจาของอาเซียน ภาคธุรกิจ และทุกภาคส่วน ที่ให้การสนับสนุนการดำเนินงานของไทยในฐานะประธานอาเซียนตลอดช่วงปีที่ผ่านมาและหวังว่าจะพัฒนาเติบโตต่อไป