8 ตุลาคม 2567/ พลตำรวจเอก เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) เปิดเผยว่า ในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว วันที่ 28 กรกฎาคม 2567 รัฐบาลได้จัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติหลากหลายทั่วประเทศ โดยหนึ่งในกิจกรรมสำคัญคือการบริจาคโลหิต ซึ่งกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ร่วมจัดขึ้นเพื่อถวายเป็นพระราชกุศล รวมทั้งเป็นการสนับสนุนการปฏิบัติงานด้านการแพทย์และสภากาชาดไทย ซึ่งเป็นองค์กรหลักที่ทำหน้าที่จัดเก็บและจัดสรรโลหิตสำหรับผู้ป่วยทั่วประเทศ
การบริจาคโลหิตเฉลิมพระเกียรติครั้งนี้ถูกจัดขึ้น 2 ช่วงเวลา คือ วันที่ 1 เมษายน 2567 ซึ่งเป็นวันครบรอบ 132 ปีของการสถาปนากระทรวงศึกษาธิการ มีผู้บริจาคโลหิตจากส่วนกลางและส่วนภูมิภาครวมทั้งสิ้น 868 คน และวันที่ 28 กรกฎาคม 2567 ครอบคลุมทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค สำนักงานเหล่ากาชาดจังหวัด และโรงพยาบาลต่าง ๆ โดยผลจากการจัดกิจกรรมในครั้งที่ 2 มีผู้เข้าร่วมบริจาคโลหิตทั้งสิ้น 2,531 คน แบ่งเป็นเพศชาย 1,043 คน และเพศหญิง 1,488 คน เป็นการแสดงพลังแห่งการเสียสละ และความตั้งใจของประชาชนที่พร้อมใจกันทำความดีเพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
รมว.ศธ. กล่าวว่า การบริจาคโลหิตครั้งนี้มีความสำคัญอย่างยิ่ง โดยเฉพาะในภาวะที่คลังโลหิตของสภากาชาดไทยกำลังประสบปัญหาขาดแคลนอย่างรุนแรง โดยข้อมูลจากศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทยระบุว่าประเทศไทยต้องการโลหิตสำหรับผู้ป่วยทั่วประเทศประมาณ 2,000-2,500 ยูนิตต่อวัน (หรือ 600,000-700,000 ยูนิตต่อเดือน) เพื่อรองรับการผ่าตัดฉุกเฉิน การรักษาผู้ป่วยโรคโลหิตจาง ธาลัสซีเมีย มะเร็ง และอื่น ๆ ซึ่งช่วงหลายปีที่ผ่านมา ความต้องการโลหิตได้เพิ่มสูงขึ้นจากผลกระทบของการระบาดของโรคโควิด-19 การบาดเจ็บจากอุบัติเหตุต่าง ๆ ทำให้สภากาชาดไทยต้องขอให้ประชาชนร่วมบริจาคโลหิตอย่างต่อเนื่อง
ในโครงการบริจาคโลหิตครั้งนี้ ศธ. ได้ร่วมกับสภากาชาดไทย จัดหน่วยรับบริจาคทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค โดยสามารถรวบรวมโลหิตได้ทั้งสิ้น 1,012,400 ซีซี ซึ่งจะถูกส่งมอบไปยังศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติเพื่อใช้ในภารกิจทางการแพทย์ต่อไป โดยหมู่โลหิตที่มีการบริจาคมากที่สุดคือหมู่โลหิตโอ ซึ่งเป็นที่ต้องการมากที่สุดในการรักษาผู้ป่วยหลายประเภท
“ผมรู้สึกซาบซึ้งใจในความเสียสละและความทุ่มเทของทุกท่านที่ได้ร่วมกันบริจาคโลหิตในครั้งนี้ การกระทำที่ยิ่งใหญ่ของท่านไม่เพียงแต่เป็นการช่วยชีวิตผู้ป่วย แต่ยังเป็นการแสดงออกถึงความจงรักภักดี และความเคารพเทิดทูนพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งการทำดีเพื่อผู้อื่นและการช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ ถือเป็นคุณค่าสำคัญที่เราต้องปลูกฝังให้กับเยาวชน การที่ประชาชนได้มอบโลหิตช่วยเหลือชีวิตผู้อื่น ไม่เพียงแต่ช่วยเสริมสร้างความสุขให้แก่ผู้ป่วยและครอบครัว แต่ยังสร้างความภาคภูมิใจและความสุขให้กับผู้ให้ด้วย นี่คือสิ่งที่เราอยากเห็นในสังคมการศึกษาไทย การเรียนรู้ที่มาควบคู่กับการเป็นผู้ให้ตามนโยบายเรียนดีมีความสุข” รมว.ศธ. กล่าว
การบริจาคโลหิตเพื่อเฉลิมพระเกียรติครั้งนี้ เป็น 1 ใน 72 กิจกรรม โครงการเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 256 ถือเป็นการร่วมมือกันทำความดีในระดับชาติ ที่แสดงถึงความจงรักภักดีและความเคารพต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ รวมถึงการช่วยชีวิตเพื่อนมนุษย์และเสริมสร้างสังคมที่มีความสุข