สทนช. ร่วมงานสัปดาห์น้ำนานาชาติแห่งเอเชีย ณ กรุงปักกิ่ง กระชับความสัมพันธ์ไทย-จีน เดินหน้าถกแนวทางความร่วมมือบริหารจัดการน้ำโขง

ดร.สุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) เปิดเผยว่า ระหว่างวันที่ 24 – 26 ก.ย. 67 ได้นำคณะผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ สนทช. เข้าร่วมงานสัปดาห์น้ำนานาชาติแห่งเอเชีย ครั้งที่ 3 (3rd Asia International Water Week: 3rd AIWW) ณ ศูนย์ประชุมนานาชาติปักกิ่ง กรุงปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน จัดโดย สภาน้ำแห่งเอเชีย (Asia Water Council: AWC) ร่วมกับกระทรวงทรัพยากรน้ำแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน (Ministry of Water Resources: MWR) โดยมี China Institute of Water Resources and Hydropower Research (IWHR) เป็นผู้จัดงาน มีเป้าหมายหลักเพื่อขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาการบริหารจัดการน้ำในภูมิภาคเอเชียและเวทีนานาชาติ ผ่านการประชุมและการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นระหว่างประเทศสมาชิกและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง หัวข้อหลักของงานคือ “การเสริมสร้างความมั่นคงทางน้ำในอนาคต” (Enhancing Our Future Water Security) ซึ่งแบ่งออกเป็นหัวข้อย่อยสำคัญ 6 หัวข้อ ได้แก่ นโยบายและกลยุทธ์ด้านนวัตกรรม, การเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลในการจัดการน้ำ, ภัยพิบัติทางน้ำและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ, น้ำเพื่อความมั่นคงด้านอาหารและพลังงาน, ระบบนิเวศน้ำและลุ่มน้ำ และฐานข้อมูลและการเผยแพร่ โดย สทนช. เองเป็นหนึ่งในสมาชิกของสภาน้ำแห่งเอเชีย ได้เข้าร่วมในพิธีเปิดและเป็นสักขีพยานในการลงนามรับรองปฏิญญาปักกิ่ง (Beijing Declaration) โดยตนเองในฐานะผู้บริหาร สทนช. ได้กล่าวปาฐกถาเปิดช่วงเสวนาเกี่ยวกับหัวข้อการปกป้องและธรรมาภิบาลน้ำในลุ่มน้ำโขง – ล้านช้าง ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างประเทศในภูมิภาคลุ่มน้ำสำคัญแห่งนี้ รวมถึงได้ให้สัมภาษณ์ประเด็นการบริหารจัดการน้ำในไทย และการดำเนินความร่วมมือด้านการบริหารจัดการน้ำร่วมกับจีนด้วย

เลขาธิการ สทนช. กล่าวต่อว่า นอกจากการร่วมงานดังกล่าวแล้ว  เมื่อวันที่ 25 ก.ย. 2567 สทนช. ยังได้มีโอกาสร่วมพิธีลงนามในบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ ระหว่างสถาบันวิจัยทรัพยากรน้ำและพลังงานน้ำแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนและสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติแห่งราชอาณาจักรไทย เป็นการลงนามโดยตนเองในฐานะผู้บริหาร สทนช. และ ดร.เพิง จิง (Dr. PENG Jing) ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยทรัพยากรน้ำและพลังงานน้ำแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน (China Institute of Water Resources and Hydropower Research: IWHR) โดยมีผู้แทน สทนช. IWHR และเทศบาลนครนครราชสีมา ร่วมเป็นสักขีพยาน ความร่วมมือในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นกลไกขับเคลื่อนความร่วมมือระหว่างสองหน่วยงานอย่างเป็นรูปธรรม และส่งเสริมความร่วมมือด้านการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำที่ครอบคลุมใน 4 ประเด็น ได้แก่ การบริหารจัดการทรัพยากรน้ำแบบบูรณาการ การพัฒนาระบบน้ำประปา การจัดการอุทกภัยและภัยแล้ง และการพัฒนาพื้นที่สีเขียว โดยการร่วมดำเนินโครงการต่างๆ การแลกเปลี่ยนบุคลากร ได้แก่ ผู้เชี่ยวชาญ นักวิจัยและนักศึกษาเพื่อพัฒนาศักยภาพด้านการจัดการทรัพยากรน้ำ การถ่ายทอดนวัตกรรมและเทคโนโลยี และการแบ่งปันข้อมูลอุทกวิทยาและอุตุนิยมวิทยาระหว่างสองหน่วยงาน  ซึ่งจะเป็นโอกาสในการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ด้านการบริหารจัดการน้ำและการบำบัดน้ำเสีย นำไปสู่การพัฒนาแผนปฏิบัติการภายใต้ความร่วมมือและพัฒนาโครงการร่วมกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการนำแนวปฏิบัติที่ดีมาปรับใช้ในการเพิ่มประสิทธิภาพระบบการบริหารจัดการน้ำในระดับพื้นที่ต่อไป

จากนั้นในวันที่ 26 ก.ย. 67 คณะผู้บริหาร สทนช. ได้เข้าร่วมการเจรจาระดับทวิภาคีกับผู้บริหารจากประเทศจีน ภายใต้ความร่วมมือแม่น้ำโขง-แม่น้ำล้านช้าง (LMC Water Center) นำโดย นายโจว จื้อ เหว่ย เลขาธิการศูนย์ความร่วมมือด้านทรัพยากรน้ำแม่โขง-ล้านช้าง และคณะผู้บริหาร โดยลำดับแรก สทนช. ได้แสดงความขอบคุณประเทศจีนสำหรับความร่วมมือในการควบคุมการปล่อยน้ำจากแม่น้ำล้านช้างในช่วงสถานการณ์น้ำท่วมแม่น้ำโขงที่ผ่านมา ซึ่ง สทนช. ได้ประสานงานส่งจดหมายผ่าน LMC Water Center และกระทรวงทรัพยากรน้ำของจีน ซึ่งได้ตอบรับการร้องขอของไทย โดยการควบคุมปริมาณน้ำที่ปล่อยออกจากเขื่อนจิ่งหงเพื่อช่วยชะลอการระบาย ลดปริมาณน้ำที่ไหลลงสู่แม่น้ำโขงตอนล่าง ทำให้สถานการณ์น้ำท่วมในประเทศไทยและประเทศตอนล่างบรรเทาลงได้ และได้แสดงความขอบคุณรัฐบาลจีนและ LMC Water Center ที่ได้สนับสนุนเงินกองทุนพิเศษเพื่อการพัฒนาความร่วมมือแม่น้ำล้านช้าง-แม่น้ำโขง (LMC Special Fund) เพื่อพัฒนาความร่วมมือด้านน้ำตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ได้แก่ เงินทุนสนับสนุนโครงการวิจัยร่วมเพื่อการบริหารจัดการน้ำข้ามพรมแดนด้านอุทกภัยและภัยแล้งในพื้นที่แม่น้ำสายและแม่น้ำรวกในปี 2018 เพื่อการพัฒนาทรัพยากรน้ำและการป้องกันภัยพิบัติ โดยเฉพาะการบริหารจัดการน้ำท่วมและภัยแล้งในพื้นที่ชายแดนไทย-เมียนมา ในปี 2023 ได้สนับสนุนเงินทุนดำเนินโครงการพัฒนาเชิงนวัตกรรมเพื่อปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และการสนับสนุนเยาวชนในโครงการ Building Water Sector Youth Leadership Network in the Mekong – Lancang/Lancang – Mekong Region เพื่อสร้างเครือข่ายความร่วมมือด้านทรัพยากรน้ำ

“ไทยได้ยื่นข้อเสนอโครงการสำหรับขอสนับสนุนงบประมาณในปี 2025 จาก LMC  Special Fund ของจีนเพื่อดำเนินโครงการต่อในพื้นที่ชายแดนเมียนมาที่มีแม่น้ำสายและแม่น้ำรวก โดยเฉพาะการพัฒนาด้านเทคนิคของระบบเตือนภัยล่วงหน้า (Early Warning System) ซึ่งจะช่วยให้สามารถรับมือกับภัยพิบัติได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ ไทยได้เสนอให้มีการนำเทคโนโลยีของจีนมาใช้แก้ไขปัญหาการบริหารจัดการน้ำร่วมระหว่างไทยและเมียนมา อาทิ เทคโนโลยี AI หรือ Digital Twin มาใช้จำลองสภาพแวดล้อมของแม่น้ำและทรัพยากรน้ำ เพื่อให้สามารถวางแผนการบริหารจัดการน้ำได้อย่างแม่นยำและยั่งยืนตั้งแต่ต้นน้ำล้านช้างไปจนถึงปลายน้ำโขง ซึ่งจะเชื่อมโยงสอดรับกับวาระที่ประเทศไทยได้ร่วมเจรจาระดับทวิภาคีกับเมียนมา และ สปป.ลาว ไปแล้วเมื่อช่วงกลางเดือน ก.ย. ที่ผ่านมาในประเด็นความร่วมมือในการแลกเปลี่ยนข้อมูลด้านน้ำเพื่อใช้ในการบริหารจัดการและการแจ้งเตือนภัย โดยเชื่อว่าข้อมูลที่มีความแม่นยำและสอดคล้องกันจากทุกประเทศในภูมิภาคจะช่วยให้สามารถคาดการณ์สถานการณ์น้ำและวางแผนรับมือกับปัญหาน้ำท่วม น้ำแล้ง และภัยพิบัติอื่นๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยความร่วมมือนี้จะช่วยให้ทุกประเทศสามารถใช้ข้อมูลที่มีคุณภาพสูงในการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ ลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติ และส่งเสริมการพัฒนาที่ยั่งยืนในภูมิภาคต่อไป” เลขาธิการ สทนช. กล่าวในตอนท้าย