สรพ. ชวน โรงพยาบาลเข้าร่วมโครงการ 3P Safety ประจำปี 2568 เพื่อใช้ข้อมูลจาก NRLS, THIP, PEP และ HSCS เพื่อพัฒนาคุณภาพสถานพยาบาล

สรพ. เผยทิศทางการขับเคลื่อนปี 2568 เดินหน้าสู่ Performance Evaluation ใช้ประโยชน์จากข้อมูลเพื่อพัฒนาคุณภาพให้มากขึ้น พร้อมเร่งพัฒนา Healthcare Result Platform เพื่อบูรณาการข้อมูลจาก NRLS, THIP, PEP และ HSCS ให้โรงพยาบาลนำไปใช้ประโยชน์ได้ง่ายขึ้น สถาบันรับรองคุณภาพสถานพยาบาล (องค์การมหาชน) หรือ สรพ. จัดประชุมรับฟังทิศทางการดำเนินงานของ สรพ. และการขับเคลื่อนโครงการพัฒนากลไกการจัดการคุณภาพบริการเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและลดความเหลื่อมล้ำของคุณภาพและความปลอดภัย ประจำปีงบประมาณ 2568 ในรูปแบบออนไลน์ เมื่อวันที่ 3 ก.ย. 2567 ที่ผ่านมา

พญ.ปิยวรรณ ลิ้มปัญญาเลิศ ผู้อำนวยการ สรพ. กล่าวว่า ทิศทางที่ สรพ. พยายามชวนให้โรงพยาบาลขับเคลื่อนในอนาคต คือการมีกลไกพัฒนาคุณภาพโดยใช้ประโยชน์จากข้อมูลเชิงประจักษ์ หรือเป็น Performance Evaluation ให้มากขึ้น มีการวัดผลที่ชัดเจน มุ่งเน้นให้เกิดผลลัพธ์ความปลอดภัย และผลลัพธ์ดังกล่าวสามารถเชื่อมโยงเข้ากับระบบบางอย่างเพื่อเก็บวิเคราะห์และนำกลับมาสร้างการเรียนรู้และพัฒนาบริการในโรงพยาบาลหรือใช้ในเชิงบริหารจัดการร่วมกันได้ ที่ผ่านมา สรพ.ขับเคลื่อนภายใต้โครงการพัฒนากลไกเพื่อความปลอดภัยหรือ 3P Safety มีเครื่องมือ เช่น ระบบ National Reporting and Learning System (NRLS) เพื่อรายงานอุบัติการณ์ไม่พึงประสงค์ ระบบ Thailand Hospital Indicator Project (THIP) หรือการรายงานตัววัดต่างๆ ที่เกิดจากการดำเนินงาน ระบบการรับฟังประสบการณ์ผู้ป่วยสู่การปรับระบบบริการ (Patient Experience Program: PEP) รวมถึงระบบ Hospital Safety Culture Survey (HSCS) เพื่อประเมินวัฒนธรรมกระบวนการทำงานของบุคลากร ซึ่งสรพ.อยู่ระหว่างการพัฒนา Healthcare Result Platform ซึ่งจะเป็นแพลตฟอร์มที่เปิด API รับข้อมูลจากส่วนต่างๆ ทั้งข้อมูลการส่งแบบประเมินตัวเอง Score ที่เกิดจากการให้คะแนนตนเองและจากผู้เยี่ยมสำรวจ ข้อมูลจาก NRLS, THIP, PEP และ HSCS และนำมาบูรณาการและวิเคราะห์ออกมาในรูปแบบ HAI Dashboard เพื่อให้โรงพยาบาลนำข้อมูลไปใช้ประโยชน์ได้อย่างสะดวก“ปัจจุบันมีโรงพยาบาลที่เข้าร่วมโครงการ 2P Safety มี 1,007 แห่ง ที่มีการเก็บข้อมูลในระบบต่างๆอยู่แล้ว ดังนั้นในปี 2568 สิ่งที่เราจะชวนทำก็คืออยากให้โรงพยาบาลที่ใช้เครื่องมือเหล่านี้อยู่แล้ว ใช้งานเครื่องมือเหล่านี้ให้มากขึ้น ซึ่งจะคู่ขนานไปกับ Healthcare Result Platform ที่ สรพ. กำลังพัฒนา เพื่อเชื่อมโยงข้อมูลเข้าด้วยกันให้โรงพยาบาลสามารถนำข้อมูลไปใช้ประโยชน์ในการเรียนรู้และพัฒนากระบวนการคุณภาพได้” พญ.ปิยวรรณ กล่าว อย่างไรก็ดี การพัฒนาระบบ การดูแลระบบ รวมถึงการจัดกิจกรรมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ต่างๆ ที่ผ่านมา สรพ. ได้รับการสนับสนุนจากงบประมาณแผ่นดิน แต่ในปีงบประมาณ 2568 สรพ.จึงจำเป็นต้องให้โรงพยาบาลร่วมจ่ายในลักษณะของค่าธรรมเนียมรายปี เพื่อให้สามารถใช้งานระบบได้เหมือนเดิม เนื่องจากไม่ได้รับงบประมาณสนับสนุนจากสำนักงบประมาณในการพัฒนาระบบดังกล่าว โดยอ้างอิงจากค่าธรรมเนียมการใช้ระบบ THIP ซึ่งจากเดิมที่จ่ายค่าธรรมเนียมรายปีแล้วใช้ได้เฉพาะระบบนี้อย่างเดียว แต่ต่อไปนี้จะ ซึ่งโรงพยาบาลที่เข้าร่วมจะสามารถใช้งานระบบได้ทุกระบบ THIP, NRLS, PEP และ HSCS โดย สรพ. จะจัดทำรายงานผลการใช้ข้อมูลจากระบบให้ไตรมาสละ 1 ฉบับ รวมถึงจะสามารถใช้งาน Healthcare Result Platform ที่ สรพ.กำลังพัฒนาในอนาคตได้ด้วย นอกจากนี้โรงพยาบาลที่สมัครสมาชิกและจ่ายค่าธรรมเนียมยังจะได้รับสิทธิประโยชน์ต่างๆ อีกด้วย อาทิ การเพิ่มระบบการวัดผลความพึงพอใจของประชาชน การเพิ่มระบบการประเมินความพร้อมด้าน ICT ของสถานพยาบาล และระบบการรายงานอุบัติการณ์โดยประชาชน การเข้าร่วมเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้ต่างๆ การสัมมนาเรียนรู้ประโยชน์จากการใช้โปรแกรม การสัมมนา root cause analysis สัมมนาการแปรผลวิเคราะห์ข้อมูล ฯลฯ รวมถึงได้รับชุดองค์ความรู้ เช่น หนังสือ แนวทางปฏิบัติ หรือ สื่อต่างๆที่ใช้เพื่อเผยแพร่ด้วย ทั้งนี้ อัตราค่าธรรมเนียมรายปีจะแบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม กลุ่มที่ 1. โรงพยาบาลภาครัฐ-มีการเรียนการสอนหรือตติยภูมิ และเอกชน อัตราค่าธรรมเนียม 25,000 บาท/ปี 2. โรงพยาบาลรัฐ-ทั่วไป อัตราค่าธรรมเนียม 15,000 บาท/ปี และ 3. โรงพยาบาลรัฐ-ชุมชน อัตราค่าธรรมเนียม 10,000 บาท/ปี สำหรับสถานพยาบาลรายใหม่ที่สนใจและสมัครใจเข้าร่วมโครงการต้องดำเนินการสมัครตามขั้นตอนลงทะเบียนออนไลน์เข้าร่วมเป็น 3P Healthcare Membership ประจำปีงบประมาณ 2568 ได้ที่ https://thip.ha.or.th ภายในวันที่ 17 กันยายน – 31 ตุลาคม 2567