รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถ้อยแถลงต่อที่ประชุมคณะกรรมการองค์การอนามัยโลกภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ สมัยที่ 72 ณ สาธารณรัฐอินเดีย ร่วมกำจัดโรคหัดและหัดเยอรมันให้หมดสิ้นภายในปี 2573 การต่อสู้กับโรคไม่ติดต่อ (NCDs) และการสร้างหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า โดยไทยพร้อมเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมสมัยที่ 73 ในปี 2563
ดร.สาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้มอบหมายให้นำคณะผู้แทนไทยเข้าร่วมการประชุมคณะกรรมการองค์การอนามัยโลกภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ สมัยที่ 72 (Seventy – Second Session of the WHO Regional Committee for South-East Asia : RC72) ณ กรุงนิวเดลี สาธารณรัฐอินเดีย จัดขึ้นระหว่างวันที่ 2–6 กันยายน 2562 ซึ่งเป็นการประชุมประจำปีของประเทศสมาชิกองค์การอนามัยโลก ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพื่อผลักดันนโยบายความร่วมมือสาธารณสุข การบริหารจัดการด้านงบประมาณและแผนงานของประเทศสมาชิก รวมทั้งกำหนดแนวทางและกลไกการดำเนินงานให้สอดคล้องกับข้อมติสมัชชาอนามัยโลก สมัยที่ 72 ที่ผ่านมา
ดร.สาธิต ได้กล่าวถ้อยแถลงต่อที่ประชุม แสดงความชื่นชมผลสำเร็จในปี 2561 ซึ่งเกิดจากการทุ่มเทอย่างต่อเนื่องของประเทศสมาชิก และเห็นด้วยกับการตั้งเป้าหมายในการกำจัดโรคหัดและหัดเยอรมันให้หมดจากภูมิภาคภายในปี 2573 รวมถึงต่อสู้กับโรคไม่ติดต่อ (NCDs) และจัดการกับปัจจัยเสี่ยงเช่น การสูบบุหรี่ด้วยการใช้ภาพคำเตือนบนซองบุหรี่ซึ่งเป็นมาตรการที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด นอกจากนี้ ยังได้กล่าวถึงนโยบายหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าของไทย ซึ่งเป็นแบบอย่างให้กับประเทศสมาชิกอื่นๆ อย่างไรก็ตาม ยังมีความท้าทายอีกหลายอย่าง เช่น ผลกระทบต่อสุขภาพของภาวะโลกร้อน สังคมผู้สูงวัย เชื้อดื้อยา การลดการดื่มแอลกอฮอล์ การหลีกเลี่ยงอาหารที่ไม่ดีต่อสุขภาพ เชื้อโรคอุบัติใหม่ต่างๆ ที่ต้องการการจัดการแบบองค์รวมและความทุ่มเทจากภาคการเมืองอย่างต่อเนื่อง โดยประเทศไทยพร้อมเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมคณะกรรมการองค์การอนามัยโลกภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ สมัยหน้า (สมัยที่ 73) ในปี 2563
สำหรับผลการดำเนินงานในรอบปีที่ผ่านมา (ม.ค.-ธ.ค. 2561) องค์การอนามัยโลกสำนักงานภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีความก้าวหน้าหลายด้าน เช่น การสร้างหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า การจัดการโรคติดต่อ และโรคไม่ติดต่อ ซึ่งทั้งภูมิภาคต้องมีความมุ่งมั่นต่อไปในสามด้าน คือ สร้างความยั่งยืน เร่งรัดความก้าวหน้า และการใช้นวัตกรรม