เมื่อวันที่ 30 สิงหาคม 2567 นายสุวรงค์ วงษ์ศิริ รองผู้อำนวยการองค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ (อพวช.) หรือ NSM ลงนามความร่วมมือกับ ศ.ดร.ศุภสวัสดิ์ ชัชวาลย์ รักษาการแทนอธิการบดี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เพื่อร่วมกันผลักดันและพัฒนาความรู้ความเข้าใจด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรมในหลากหลายมิติทั้งศาสตร์และศิลป์ พร้อมมุ่งเน้นการพัฒนากำลังคนและส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิต โดยมี ดร.กรรณิการ์ เฉิน รองผู้อำนวยการ NSM พร้อมด้วย ศ.ดร.สัญญา มิตรเอม คณบดีคณะวิศวกรรมศาสตร์, รศ.ดร.สุเพชร จิรขจรกุล คณบดีคณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี, รศ.ดร.เสาวธาร โพธิ์กลัด ผู้อำนวยการสถาบันไทยคดีศึกษา, ผศ.ดร.อนุชา ทีรคานนท์ คณบดีคณะศิลปกรรมศาสตร์ และผศ.ดร.ศิริรัตน์ ณ ระนอง รองคณบดีฝ่ายบริหารท่าพระจันทร์และวิเทศสัมพันธ์ คณะศิลปะศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ร่วมเป็นสักขีพยานในพิธีลงนามฯ ดังกล่าว ณ ห้องประชุมปรีดี พนมยงค์ อาคารโดมบริหาร ชั้น 3 มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต จ.ปทุมธานี
นายสุวรงค์ วงษ์ศิริ รองผู้อำนวยการองค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ (อพวช.) หรือ NSM เผยว่า “NSM มีภารกิจในการส่งเสริมสังคมไทยให้เห็นความสำคัญของวิทยาศาสตร์ที่มีต่อการพัฒนาประเทศ พร้อมปลูกฝังและถ่ายทอดองค์ความรู้ให้แก่เยาวชน และประชาชนในสังคมให้มีทัศนคติที่ดีต่อวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม โดยการจัดแสดงนิทรรศการและกิจกรรมด้านวิทยาศาสตร์ต่าง ๆ ผ่านแหล่งเรียนรู้ตลอดชีวิตในรูปแบบพิพิธภัณฑ์ ความร่วมมือในครั้งนี้จัดขึ้นเพื่อร่วมกันผลักดันและพัฒนาความรู้ด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรมในหลากหลายมิติ เช่น การวิจัยความหลากหลายทางธรรมชาติ การสื่อสารความรู้ด้านปัญญาประดิษฐ์ สื่อสารวิทยาศาสตร์ผ่านการแสดง และพัฒนานวัตกรรมเพื่อการจัดการพิพิธภัณฑ์ โดยมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์เป็นสถาบันการศึกษาระดับประเทศที่มีความเข็มแข็ง ที่จะเข้ามามีบทบาทสำคัญในการผลักดันโครงการและกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อร่วมมือขับเคลื่อนประเทศด้วยวิทยาศาสตร์นำไปสู่การพัฒนาประเทศให้เจริญก้าวหน้าอย่างยั่งยืนในอนาคต”
ศาสตราจารย์ ดร.ศุภสวัสดิ์ ชัชวาลย์ รักษาการแทนอธิการบดี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวว่า “มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์เป็นสถาบันการศึกษาที่มีบทบาทสำคัญต่อการพัฒนาประเทศมาอย่างยาวนานด้วยการสร้างสรรค์และส่งเสริมความรู้ในหลากหลายสาขาวิชา เน้นการพัฒนาและผลิตบุคลากรที่มีคุณภาพ พร้อมที่จะนำความรู้ไปประยุกต์ใช้ในการพัฒนาสังคมและประเทศ สำหรับความร่วมมือในครั้งนี้ตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นของทั้งสององค์กรในการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อทั้งนักศึกษา เยาวชน และประชาชนทั่วไป ผ่านการแลกเปลี่ยนทรัพยากร ข้อมูล และความเชี่ยวชาญในด้านต่าง ๆ ซึ่งจะเป็นรากฐานสำคัญในการพัฒนาโครงการและกิจกรรมที่มีคุณค่าทางวิชาการ สร้างผลกระทบเชิงบวกต่อสังคมในวงกว้าง โดยมี คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี คณะศิลปกรรมศาสตร์ คณะศิลปศาสตร์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ และสถาบันไทยคดีศึกษา มาร่วมถ่ายทอดองค์ความรู้ทางวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม ผสานกับศิลปะและวัฒนธรรมไทย เพื่อตอบสนองความต้องการของสังคมในยุคปัจจุบันอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้นของความสำเร็จของประเทศอย่างยั่งยืนต่อไป”