สธ.- สนง.ศาลยุติธรรม จับมือเสริมความรู้ด้านกฎหมายและการดูแลสุขภาพให้บุคลากร

ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ร่วมพิธีเปิดโครงการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ด้านกฎหมายที่เกี่ยวกับสาธารณสุขและการดูแลสุขภาพบุคลากรศาลยุติธรรม สร้างความสัมพันธ์เครือข่าย เสริมความรู้ด้านสุขภาพอนามัยและวิธีป้องกันรักษาโรคให้บุคลากรศาลยุติธรรม และเสริมความรู้ด้านกฎหมายให้บุคลากรสาธารณสุข เป็นเกราะคุ้มกันในการปฏิบัติหน้าที่ดูแลประชาชนอย่างมีประสิทธิภาพ

วันที่ 30 สิงหาคม 2567 ที่โรงแรมเซนทาราไลฟ์ ศูนย์ราชการและคอนเวนชันเซ็นเตอร์ แจ้งวัฒนะ กทม. นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ร่วมพิธีเปิดโครงการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ด้านกฎหมายที่เกี่ยวกับสาธารณสุขและการดูแลสุขภาพบุคลากรศาลยุติธรรม และร่วมการอภิปราย ในหัวข้อ “ความร่วมมือระหว่างสำนักงานศาลยุติธรรมกับกระทรวงสาธารณสุข” โดยมี นางอโนชา ชีวิตโสภณ ประธานศาลฎีกา เป็นประธานในพิธีเปิด และเลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม อธิบดีผู้พิพากษา อธิบดีผู้พิพากษาภาค เลขาธิการประธานศาลฎีกา เลขานุการศาลฎีกา เลขาธิการสถาบันพัฒนาข้าราชการฝ่ายตุลาการศาลยุติธรรม ผู้บริหารสำนักงานศาลยุติธรรม ผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุข ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข ผู้พิพากษา เจ้าหน้าที่ในสังกัดศาลยุติธรรมและสังกัดกระทรวงสาธารณสุข เข้าร่วม

นพ.โอภาส กล่าวว่า สืบเนื่องจากการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือการดูแลด้านสุขภาพบุคลากรศาลยุติธรรม ข้าราชการฝ่ายตุลาการศาลยุติธรรมบำนาญ และบุคคลในครอบครัว ระหว่างกระทรวงสาธารณสุขและสำนักงานศาลยุติธรรม เมื่อวันที่ 5 เมษายน 2567 ที่ผ่านมา กระทรวงสาธารณสุขได้จัดระบบการดูแลสุขภาพกาย สุขภาพจิต ทั้งมิติการป้องกัน คัดกรอง การส่งต่อและการบริการเชิงรุก และประสานผู้พิพากษา หัวหน้าศาลในภูมิภาค เพื่อหารือปัญหาข้อขัดข้องและแนวทางการดูแลทางการแพทย์ให้แก่บุคลากรศาลยุติธรรมในแต่ละจังหวัด ซึ่งประธานศาลฎีกาได้ขอบคุณและชื่นชมบุคลากรของกระทรวงสาธารณสุขที่ช่วยดูแลสุขภาพบุคลากรศาลยุติธรรม เป็นการสร้างขวัญกำลังใจที่ดีให้กับบุคลากรศาลในการปฏิบัติหน้าที่เพื่อประชาชน

นพ.โอภาส กล่าวต่อว่า สำหรับโครงการฯ ในวันนี้ จัดขึ้นเพื่อเสริมสร้างองค์ความรู้เกี่ยวกับสุขภาพอนามัย และวิธีการป้องกันรักษาโรคที่เกิดจากการปฏิบัติหน้าที่ของบุคลากรศาลยุติธรรม รวมทั้งเสริมสร้างองค์ความรู้ทางด้านกฎหมายเบื้องต้นที่เกี่ยวกับสาธารณสุขให้บุคลากรสาธารณสุข ซึ่งจะเป็นเกราะคุ้มกันในการปฏิบัติหน้าที่ อีกทั้งเป็นการต่อยอด และขยายผลเครือข่ายความร่วมมือระหว่างศาลยุติธรรม กับกระทรวงสาธารณสุข ทั้งในกรุงเทพมหานคร และส่วนภูมิภาค ให้มีพัฒนาการที่ดียิ่งขึ้น

“ขอขอบคุณสำนักงานศาลยุติธรรม ที่ได้ให้โอกาสกระทรวงสาธารณสุข ขยายช่องทางการเข้าถึงบริการให้กับประชาชน โดยเฉพาะบุคลากรศาลยุติธรรมฯ ที่ปฏิบัติภารกิจจนอาจไม่มีเวลาดูแลสุขภาพตนเอง ให้สามารถเข้าถึงการตรวจรักษาได้อย่างเหมาะสม สามารถค้นพบความเจ็บป่วยได้รวดเร็วและเข้าสู่กระบวนการรักษาที่มีมาตรฐานได้ทันท่วงที อีกทั้งยังเป็นการช่วยเติมเต็มความรู้ด้านกฎหมายให้กับบุคลากรสาธารณสุข สร้างความเชื่อมั่นในการปฏิบัติงานได้อย่างดี ซึ่งความร่วมมือของสองหน่วยงานในครั้งนี้จะเป็นต้นแบบที่ดีของการเชื่อมโยงความเข้าใจกันและกันในการช่วยแก้ปัญหาสำคัญของประเทศ” นพ.โอภาส กล่าว