“มะเร็งต่อมลูกหมาก” ภัยร้ายท่านชายอย่ามองข้าม ผู้สูงอายุ ประวัติพันธุกรรมเสี่ยง ควรหมั่นตรวจร่างกายเป็นประจำทุกปี หากพบความผิดปกติควรรีบปรึกษาแพทย์ มะเร็งต่อมลูกหมาก ตรวจพบเร็ว รู้ทัน รักษาหายขาดได้
นายแพทย์สกานต์ บุนนาค รองอธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า ต่อมลูกหมาก เป็นอวัยวะของผู้ชายซึ่งทำหน้าที่เป็นหูรูดควบคุมการปัสสาวะและสร้างน้ำเลี้ยงตัวอสุจิ บางคนอาจเข้าใจผิดว่าเป็นอัณฑะได้ มะเร็งต่อมลูกหมากเกิดจากการเจริญเติบโตและแบ่งตัวที่ผิดปกติของเซลล์ต่อมลูกหมากจนกลายเป็นก้อนมะเร็ง พบในเพศชายที่สูงอายุตั้งแต่ 50 ปีขึ้นไป สาเหตุการเกิดโรคยังไม่ทราบแน่ชัดโดยปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญคืออายุและพันธุกรรม
เรืออากาศเอกนายแพทย์สมชาย ธนะสิทธิชัย ผู้อำนวยการสถาบันมะเร็งแห่งชาติ กล่าวว่า มะเร็งต่อมลูกหมากระยะแรกผู้ป่วยมักไม่แสดงอาการผิดปกติแต่เมื่อเซลล์มะเร็งขยายตัวเริ่มลุกลามมากขึ้นจนเกิดการกดเบียดท่อปัสสาวะจะทำให้การปัสสาวะผิดปกติ โดยอาการจะคล้ายกับโรคต่อมลูกหมากโตที่พบได้บ่อยในชายสูงอายุ เช่น ปัสสาวะไม่ออกหรือปัสสาวะลำบาก ปัสสาวะไม่พุ่งหรือหยุดเป็นช่วง ๆ ปัสสาวะบ่อยกลั้นลำบาก มีอาการปวดแสบขัดเวลาปัสสาวะหรือปัสสาวะมีเลือดปน ซึ่งถ้ามีอาการเหล่านี้ควรรีบพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยเพิ่มเติม การตรวจคัดกรองมะเร็งต่อมลูกหมากตั้งแต่ยังไม่มีอาการหรือเริ่มมีอาการเพียงเล็กน้อยจะช่วยเพิ่มโอกาสตรวจพบมะเร็งต่อมลูกหมากตั้งแต่ระยะเริ่มต้นซึ่งสามารถรักษาให้หายขาดได้ โดยแนะนำให้ท่านชายตั้งแต่อายุ 50 – 75 ปี เข้ารับการตรวจคัดกรองมะเร็งต่อมลูกหมากเป็นประจำทุกปี
นายแพทย์พร้อมวงศ์ งามวุฒิวงศ์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านศัลยศาสตร์มะเร็งทางเดินปัสสาวะ สถาบันมะเร็งแห่งชาติ กล่าวเพิ่มเติมว่า วิธีการตรวจคัดกรองมะเร็งต่อมลูกหมาก ทำได้ด้วยวิธีคลำต่อมลูกหมากทางทวารหนักเพื่อหารอยโรคที่เกิดขึ้นร่วมกับการตรวจระดับสารคัดกรองมะเร็งต่อมลูกหมากในเลือด (serum PSA) โดยค่าปกติควรน้อยกว่า 4 นก./มล. ถ้าค่าserum PSA อยู่ระหว่าง 4 นก./มล. แต่ไม่เกิน 10 นก./มล. สามารถพบผู้ป่วยมะเร็งได้ประมาณ 1 ใน 3 แต่ถ้ามากกว่า 10 นก./มล. จะสามารถพบผู้ป่วยได้มากขึ้นถึง 2 ใน 3 เห็นได้ว่าความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งต่อมลูกหมากจะเพิ่มขึ้นตามค่า serum PSA ที่สูงขึ้น ลำพังการตรวจร่างกายและการตรวจ serum PSA ที่ผิดปกติ ยังไม่เพียงพอที่จะวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งต่อมลูกหมากได้ ก็จะใช้วิธีการเจาะเก็บชิ้นเนื้อต่อมลูกหมากทางทวารหนักเป็นขั้นตอนถัดไปเพื่อนำชิ้นเนื้อไปตรวจหาว่าเป็นลักษณะของเนื้อมะเร็งหรือไม่ โดยจะใช้วิธีการเจาะชิ้นเนื้อแบบสุ่ม (Random TRUS prostate biopsy) โดยใช้เครื่องมือขนาดประมาณนิ้วโป้งเข้าไปทางทวารหนัก และทำการเจาะเก็บชิ้นเนื้อจำนวน 10 ถึง 12 ชิ้น เพื่อนำไปตรวจหาเชลล์มะเร็ง ในปัจจุบันมีทางเลือกในการตรวจวินิจฉัยด้วยการทำเอ็กซเรย์คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าบริเวณต่อมลูกหมาก (multiparametric MRI prostate) ถ้าพบมีบริเวณที่น่าสงสัยก็จะนำภาพเอ็กซเรย์ดังกล่าวเป็นแผนภาพนำทางในการเจาะชิ้นเนื้อต่อมลูกหมาก (MRI fusion-targeted prostate biopsy) จะช่วยลดจำนวนชิ้นเนื้อที่ต้องเจาะเก็บ ลดการเจาะชิ้นเนื้อในรายที่ความเสี่ยงต่ำและเพิ่มโอกาสที่จะเจอมะเร็งต่อมลูกหมากที่มีนัยสำคัญมากยิ่งขึ้น
การรักษามะเร็งต่อมลูกหมากนั้น ขึ้นอยู่กับระยะและความรุนแรงของตัวโรคพิจารณาร่วมกับอายุและสุขภาพโดยรวมของผู้ป่วย เริ่มตั้งแต่การตรวจติดตามหรือเฝ้าระวังเชิงรุกในผู้ป่วยสูงอายุหรืออยู่ในกลุ่มที่มะเร็งมีความสามารถในการลุกลามต่ำ ไปจนถึงการผ่าตัดนำต่อมลูกหมากออก (Radical prostatectomy) การใช้ยาลดฮอร์โมนเพศชาย การฉายแสง การฝังแร่ การให้ยาเคมีบำบัด การผ่าตัดตัดอัณฑะ รวมถึงการให้ภูมิคุ้มกันบำบัด (immunotherapy)
ปัจจุบันมีการรณรงค์ตรวจคัดกรองมะเร็งต่อมลูกหมากในเพศชายกลุ่มเสี่ยงหรือมีอาการ โดยใช้วิธีการเจาะหาสารคัดกรองมะเร็งต่อมลูกหมากในเลือด (serum PSA) ทำให้ตรวจพบเจอผู้ป่วยมะเร็งต่อมลูกหมากได้ตั้งแต่ระยะเริ่มต้น ซึ่งเป็นการเพิ่มโอกาสการรักษาให้ตัวโรคหายขาดได้ แต่ทั้งนี้การดูแลสุขภาพโดยทั่วไปให้แข็งแรง งดสูบบุหรี่ งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ หลีกเลี่ยงการบริโภคเนื้อสัตว์ติดมันที่ไหม้เกรียม ออกกำลังกายสม่ำเสมอ จะช่วยให้ห่างไกลโรคมะเร็งร้าย มีสุขภาพร่างกายและจิตใจที่สมบูรณ์แข็งแรง
หากท่านมีข้อสงสัยหรือต้องการหาความรู้ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้จากสถาบันมะเร็งแห่งชาติ ผ่านทาง Facebook : สถาบันมะเร็งแห่งชาติ National Cancer Institute และ Line : NCI รู้สู้มะเร็ง