ดร.ทองเปลว กองจันทร์ อธิบดีกรมชลประทาน กล่าวว่า เพื่อให้การบริหารจัดการน้ำในลุ่มน้ำเจ้าพระยาสอดคล้องกับสภาวะฝนที่ตกในพื้นที่ทางตอนบน และรองรับปริมาณน้ำเหนือจากพื้นที่ตอนบนที่กำลังจะไหลลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยาตอนล่าง กรมชลประทาน ได้ทยอยเพิ่มการระบายน้ำผ่านเขื่อนเจ้าพระยา ตั้งแต่ช่วงเย็นที่ผ่านมา (2 ก.ย. 62) จากเดิมระบายอยู่ที่ 424 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที(ลบ.ม.) เป็น 480 ลบ.ม.ต่อวินาที พร้อมกับรับน้ำเข้าระบบชลประทานฝั่งซ้ายของแม่น้ำเจ้าพระยา จากเดิม 140 ลบ.ม.ต่อวินาที เป็น 170 ลบ.ม.ต่อวินาที และฝั่งขวารับน้ำจากเดิม 230 ลบ.ม.ต่อวินาที เป็น 260 ลบ.ม.ต่อวินาที ทั้งนี้ เพื่อเร่งระบายน้ำให้ไหลออกสู่ทะเลให้เร็วที่สุด โดยไม่ให้กระทบต่อพื้นที่ทั้งสองฝั่งของแม่น้ำเจ้าพระยา
อธิบดีกรมชลประทาน กล่าวอีกว่า “การระบายน้ำผ่านเขื่อนเจ้าพระยาเพิ่มขึ้นนี้ ขอให้ประชาชนอย่าได้ตื่นตระหนก เป็นการเร่งระบายน้ำ เพื่อรับน้ำเหนือที่กำลังไหลหลากลงสู่พื้นที่ตอนล่าง เนื่องจากมีฝนตกหนักทางตอนบนของประเทศ ซึ่งปริมาณน้ำที่ระบายนี้ จะไม่ส่งกระทบต่อพื้นที่ด้านท้ายเขื่อนเจ้าพระยาแต่อย่างใด ทั้งนี้ ปริมาณน้ำที่จะเริ่มส่งผลกระทบต่อพื้นที่ลุ่มต่ำริมแม่น้ำเจ้าพระยา ในเขตจังหวัดอ่างทองและพระนครศรีอยุธยา จะต้องมีน้ำไหลผ่านเขื่อนเจ้าพระยาในเกณฑ์ 700 ลบ.ม.ต่อวินาทีขึ้นไป จึงแจ้งมาเพื่อทราบโดยทั่วกัน หากมีข้อสงสัยประการใด สามารถสอบถามได้ที่โครงการชลประทานใกล้บ้าน หรือโทร.สายด่วน กรมชลประทาน 1460 ได้ตลอดเวลา”
*******************************
ศูนย์ปฏิบัติการน้ำอัจฉริยะ(SWOC) กรมชลประทาน
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
2 กันยายน 2562