ดร.บุญรักษ์ ยอดเพ็ชร เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา เปิดเผยว่า จากพระราชดำริสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารีได้ดำเนินงานโครงการพัฒนาตามพระราชดำริในโรงเรียนพื้นที่ถิ่นทุรกันดารเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของเด็กและเยาวชนใน ถิ่นทุรกันดารให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นในการดำเนินงานโปรดเกล้าฯ ให้สำนักงานโครงการส่วนพระองค์สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารีร่วมกับหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้อง ดำเนินงานในพื้นที่ต่างๆ โดยมีแผนพัฒนาเด็กและเยาวชนในถิ่นทุรกันดารเป็นแนวทางและเป้าหมายในการดำเนินงานทั้งในด้านสุขภาพอนามัยการศึกษาอาชีพสิ่งแวดล้อมและวัฒนธรรมประเพณีโดยการดำเนินงานในกิจกรรมต่างๆเน้นการเชื่อมโยงกิจกรรมโครงการต่างๆ เข้าด้วยกัน
เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา กล่าวต่อไปว่า สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.)ในฐานะที่เป็นหน่วยงานหลักในการจัดการศึกษาด้านอาชีพ ได้ร่วมสนองพระราชดำริในโครงการพัฒนาเด็กและเยาวชนในถิ่นทุรกันดารมาอย่างต่อเนื่อง โดยผลการดำเนินงานที่ผ่านมาพบว่าสถานศึกษาที่ร่วมสนองพระราชดำริฯ ยังดำเนินการในลักษณะของการสนับสนุนวัสดุ อุปกรณ์เพื่อการประกอบอาชีพที่ขาดความต่อเนื่องและไม่สอดคล้องกับภูมิสังคมของกลุ่มเป้าหมาย ขาดการพัฒนาศักยภาพด้านการตลาดและการบริหารจัดการที่ครบวงจร ทำให้ไม่สามารถพัฒนาสู่ความยั่งยืนได้อย่างต่อเนื่อง เพื่อเป็นการสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับแนวทางการดำเนินงานส่งเสริมอาชีพ ตามพระราชดำริฯ ที่สอดคล้องกับเป้าหมายของแผนพัฒนาเด็กและเยาวชนในถิ่นทุรกันดาร
สอศ. จึงกำหนดประชุมเครือข่ายสถานศึกษา ในโครงการพัฒนาอาชีพแก่ เด็กและเยาวชน ในถิ่นทุรกันดารเพื่อชี้แจงสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับกรอบแนวทางการดำเนินงานการส่งเสริมอาชีพ ตามพระราชดำริฯ แก่สถานศึกษาอาชีวศึกษาที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ชายขอบของประเทศ จำนวน 220 แห่ง ในพื้นที่ ที่มีโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนตั้งอยู่ และเพื่อให้ผู้ปฏิบัติงานได้มีโอกาสแลกเปลี่ยนความรู้ ประสบการณ์ และร่วมกันกำหนดแนวทางในการแก้ไขปัญหาและร่วมกันพัฒนากระบวนการทำงานโครงการตามพระราชดำริ ให้เหมาะสมกับบริบทของสถานศึกษานั้นๆ และจัดทำแผนการฝึกอบรมอาชีพแก่เด็กและเยาวชน และประชาชนในถิ่นทุรกันดารประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2563 ซึ่งกำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 2-3 กันยายน 2562 ณ โรงแรมเมาท์เท่นบีช จังหวัดชลบุรี