ASED​ ครั้งที่​ 13​ รับรองถ้อยแถลงร่วมบุรีรัมย์ (Joint Statement of the 13th ASEAN Education Ministers Meeting) ​มุ่งส่งเสริมการศึกษาในภูมิภาค​ ตอบสนองความท้าทาย​การศึกษาในยุคดิจิทัล

25 สิงหาคม 2567/ ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมรัฐมนตรีด้านการศึกษาของอาเซียน ครั้งที่ 13 โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการจากประเทศสมาชิกอาเซียน ได้แก่ บรูไนดารุสซาลาม กัมพูชา อินโดนีเซีย สปป. ลาว มาเลเซีย เมียนมา ฟิลิปปินส์ เวียดนาม สิงคโปร์ และไทย ร่วมประชุมด้วย นอกจากนี้ ยังมีผู้แทนจากติมอร์-เลสเต เข้าร่วมสังเกตการณ์ และผู้แทนพันธมิตรความร่วมมือด้านการศึกษาของอาเซียน เข้าร่วมการประชุม รวมกว่า 100 คน

พลตำรวจเอก เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ และประธานการประชุม ได้กล่าวว่า​ ความร่วมมือในการจัดการศึกษาในยุคดิจิทัลจะช่วยตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็ว การพัฒนาด้านดิจิทัลนำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการเรียนรู้ในทุกระดับการศึกษา ซึ่งมีความยืดหยุ่นและปรับเปลี่ยนได้มากกว่าการเรียนรู้ในห้องเรียนแบบดั้งเดิม

การประชุมครั้งนี้ถือเป็นโอกาสสำคัญในการรับฟังความคิดเห็นจากรัฐมนตรีด้านการศึกษาในอาเซียนเพื่อพลิกโฉมการศึกษาในยุคดิจิทัล โดยมีเป้าหมายเพื่อพัฒนาการศึกษาให้สอดรับกับสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม ความก้าวหน้าทางดิจิทัลอาจนำมาซึ่งความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญที่อาเซียนต้องพิจารณา เพื่อสร้างโอกาสทางการศึกษาให้ทุกคนอย่างเท่าเทียม

นอกจากนี้ การพัฒนาทักษะของผู้เรียนให้สอดคล้องกับการทำงานในยุคดิจิทัลเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง เช่น ทักษะในการคิดวิเคราะห์ การแก้ไขปัญหา และการใช้เทคโนโลยี​ และควรต้องส่งเสริมการศึกษาเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนให้แก่เยาวชน สร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม การใช้ทรัพยากรอย่างรู้คุณค่า และการอยู่ร่วมกันอย่างสันติ เพื่อความยั่งยืนของวิถีชีวิตของผู้คนในทุกมิติ

ที่ประชุมฯ ยังได้รับทราบการรายงานผลลัพธ์การประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโสของอาเซียน ครั้งที่ 18 และครั้งที่ 19 ดังนี้

– ประเทศเวียดนาม รายงานผลการประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโสของอาเซียนครั้งที่ 18 ซึ่งจัดขึ้นทางออนไลน์ ในเดือนตุลาคม 2566 มีความก้าวหน้าในการดำเนินงานตามแผนงานการศึกษาของอาเซียน ปี ค.ศ. 2021-2025 อย่างต่อเนื่อง ซึ่งมีความสำคัญต่อการพัฒนาการศึกษาในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้​ หนึ่งในกิจกรรมที่โดดเด่น ได้แก่ การจัดทำคู่มือ “Reopen, Recover, and Resilience in Education: Guidelines for ASEAN Countries” รวมทั้งมีการรายงานการวิจัยที่วิเคราะห์การสูญเสียการเรียนรู้ในด้านการอ่านและคณิตศาสตร์ในโรงเรียนประถมของอาเซียน ซึ่งช่วยให้เห็นภาพชัดเจนถึงปัญหาและแนวทางการแก้ไข

– อินโดนีเซีย ในฐานะประธานอาเซียน เมื่อปี 2023 ได้ดำเนินกิจกรรมสำคัญต่าง​ ๆ ประกอบด้วย การประชุมเชิงนโยบายด้านการดูแล และการศึกษาปฐมวัยในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ซึ่งจัดขึ้นในกรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย การประชุมอาเซียนด้านการศึกษาระดับอุดมศึกษาที่เมืองบันดุง ประเทศอินโดนีเซีย รวมถึงการสัมมนาระดับภูมิภาคด้านการพัฒนาอุดมศึกษา และการจัดทำนโยบายเพื่อสนับสนุนเด็กและเยาวชนด้อยโอกาสที่มาเลเซีย เป็นต้น

– ประเทศไทยในฐานะประธานการประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโสด้านการศึกษาของอาเซียนครั้งที่ 19 ได้รายงานความก้าวหน้าในการดำเนินการตามแผนปฏิบัติการด้านการศึกษาของอาเซียน ปี ค.ศ. 2021-2025 ซึ่งปัจจุบันมีความก้าวหน้าไปถึง 90% โดยมีโครงการสำคัญรวมทั้งหมด 114 โครงการตัวอย่างที่อยู่ระหว่างดำเนินการ อาทิ การประชุม ASEAN -TVET และการประชุมอาเซียนระดับอุดมศึกษา (สปป. ลาว) คู่มือการประเมินและติดตามผลการปฏิบัติงานและคุณภาพของครูอาชีวศึกษา (บรูไนดารุสซาลาม) คู่มือการประเมินตนเอง เช่น การเปิดใหม่ การฟื้นฟู และความยืดหยุ่นด้านการศึกษา (กัมพูชา) การวิจัยเพื่อการอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพด้วยการรวมการศึกษาเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมในหลักสูตรของโรงเรียนมัธยมศึกษาและวิทยาลัยอาชีวศึกษาในอาเซียน​ : การสำรวจ การทดสอบความถูกต้อง และความเชื่อถือได้ (อินโดนีเซีย) การจัดสัมมนาภูมิภาคเกี่ยวกับเด็กและเยาวชนนอกระบบโรงเรียน (มาเลเซีย) ความร่วมมือด้านการวิจัยกับศูนย์ระดับภูมิภาคว่าด้วยการพัฒนาคุณภาพครูและบุคลากรทางการศึกษาด้านภาษาของซีมีโอด้านการวิจัยทางภาษา (เมียนมาร์) การมีส่วนร่วมในกลุ่มงานทางเทคนิคด้านทักษะระดับภูมิภาค (ฟิลิปปินส์)

การเผยแพร่เรื่องราวความสำเร็จของ TVET และหลักสูตรการเป็นผู้นำทางการศึกษา (สิงคโปร์) โครงการการเคลื่อนย้ายระหว่างประเทศในเอเชียสำหรับนักเรียน (AIMS) และความคิดริเริ่มด้านการศึกษาและวิชาชีพ (ประเทศไทย) การเตรียมการสำหรับฟอรัมภูมิภาคเพื่อการพัฒนาการศึกษาขั้นพื้นฐานของอาเซียน จะจัดที่เวียดนาม​ การเผยแพร่เรื่องราวความสำเร็จของ TVET และหลักสูตรความเป็นผู้นำด้านการศึกษา (สิงคโปร์) โครงการเคลื่อนย้ายระหว่างประเทศสำหรับนักศึกษาในเอเชีย (AIMS) และความริเริ่มด้านการศึกษาและการฝึกอบรมทางเทคนิคและวิชาชีพ (ประเทศไทย) การเตรียมการสำหรับการประชุมระดับภูมิภาคเพื่อพัฒนาการศึกษาขั้นพื้นฐานของอาเซียน (เวียดนาม)

อีกหนึ่งวาระสำคัญของการประชุมครั้งนี้คือการกล่าวถ้อยแถลงของรัฐมนตรีด้านการศึกษาของอาเซียน สำหรับประเทศไทย พลตำรวจเอก เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ได้กล่าวถ้อยแถลงที่มุ่งเน้นสู่การบรรลุวิสัยทัศน์ประชาคมอาเซียน 2025 เพื่อการพัฒนาที่มีประชาชนเป็นศูนย์กลาง ด้วยการปรับปรุงคุณภาพชีวิตผ่านกิจกรรมที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม​ และการพัฒนาอย่างยั่งยืนในบริบทของโลกใหม่และความมุ่งมั่นของประเทศไทยในการพลิกโฉมการศึกษาเข้าสู่ยุคดิจิทัล​ รัฐบาลไทยได้กำหนดนโยบาย “ไทยแลนด์ 4.0” เพื่อยกระดับประเทศไทยเข้าสู่ยุคดิจิทัลและเศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม โดยมีเป้าหมายในการปฏิรูปการศึกษาให้รองรับการเปลี่ยนแปลงของโลก การพัฒนาทักษะที่จำเป็นในศตวรรษที่ 21 รวมถึงการบูรณาการทักษะด้านเทคโนโลยีเข้ากับหลักสูตรการศึกษา การพัฒนาครูและบุคลากรทางการศึกษา รวมถึงการส่งเสริมวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ และสิ่งแวดล้อม

ประเทศไทยได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของนักเรียนตามนโยบาย “เรียนดี มีความสุข” โดยมุ่งเน้นการใช้เทคโนโลยีในการศึกษาให้ครอบคลุมทั้งการบริหารจัดการและการจัดการเรียนการสอน การสนับสนุนการจัดหาอุปกรณ์และเทคโนโลยีทางการศึกษาให้แก่ครูและนักเรียน เพื่อส่งเสริมการเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพ พร้อมทั้งลดภาระของครูและนักเรียน เพื่อให้มีเวลาในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้มากขึ้น และสนับสนุนการสร้างรายได้จากการเรียน การฝึกงาน และการสร้างบุคลากรที่มีทักษะตรงตามความต้องการของตลาดงานในอนาคต

ในส่วนของความร่วมมือในอาเซียน ประเทศไทยเน้นการส่งเสริมความร่วมมือระหว่างประเทศสมาชิกและประเทศคู่เจรจา ทั้งในด้านการพัฒนาครูและเยาวชน ผ่านการดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ เช่น โครงการแลกเปลี่ยนนักเรียน/นักศึกษา การแลกเปลี่ยนครูและบุคลากรทางการศึกษา และการจัดสรรทุนการศึกษาในทุกระดับ

ประเทศไทยยังมุ่งมั่นที่จะร่วมมือกับประเทศสมาชิกอาเซียนในการพลิกโฉมการศึกษาเข้าสู่ยุคดิจิทัล โดยขับเคลื่อนการพัฒนาเด็กและเยาวชน ครู และบุคลากรทางการศึกษาให้ครบถ้วนในทุกด้าน เพื่อสร้างระบบการศึกษาที่ตอบสนองความต้องการของศตวรรษที่ 21 และเตรียมความพร้อมให้เด็กและเยาวชนสามารถรับมือกับความท้าทายใหม่ ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

การรับรองเอกสารผลลัพธ์จากการประชุมรัฐมนตรีด้านการศึกษาของอาเซียน ครั้งที่ 13

ที่ประชุมฯ ให้การรับรองถ้อยแถลงร่วมบุรีรัมย์ (Joint Statement of the 13th ASEAN Education Ministers Meeting) ที่แสดงถึงความมุ่งมั่นในการดำเนินงานตามวิสัยทัศน์ประชาคมอาเซียน 2025 โดยเน้นย้ำถึงบทบาทสำคัญของการศึกษาในการขับเคลื่อนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาติ ที่มุ่งส่งเสริมการศึกษาในภูมิภาคให้ตอบสนองต่อความท้าทายในระดับโลก ประเทศไทยได้รับการสนับสนุนในหัวข้อ “พลิกโฉมการศึกษาในยุคดิจิทัล” ซึ่งสะท้อนถึงความสำคัญในการบูรณาการความร่วมมือระหว่างประเทศสมาชิกและฟื้นฟูโครงการต่าง ๆ เช่น โครงการแลกเปลี่ยนนักเรียนในภูมิภาค เพื่อยกระดับการศึกษาที่ตอบโจทย์ยุคดิจิทัล การดำเนินนโยบาย “เรียนดี มีความสุข” ที่มุ่งเน้นการจัดการกับความท้าทายต่าง ๆ ของครูและนักเรียน รวมถึงการดูแลสุขภาพ และความเป็นอยู่ของครูและนักเรียนให้ดีขึ้น

การประชุมยังได้ตระหนักถึงความสำคัญของการดำเนินการตามปฏิญญาอาเซียนว่าด้วยการเสริมสร้างความเข้มแข็งด้านการศึกษาให้แก่เด็กและเยาวชนที่ตกหล่น​ และปฏิญญาอาเซียนว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลของระบบการศึกษา รวมถึงการตอบสนองต่อความท้าทายต่าง ๆ ของโลกที่จำเป็นต้องพัฒนาทรัพยากรมนุษย์เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับอนาคต

ในพิธีปิดการประชุม รัฐมนตรีได้เน้นความสำคัญของการทำให้ภูมิภาคอาเซียนกลายเป็นพื้นที่ที่มีพลวัตและส่งเสริมการเติบโตในทุกด้าน—ด้านการเมือง เศรษฐกิจ และสังคม ซึ่งรวมถึงการส่งเสริมการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์เพื่อให้บุคคลมีความรู้ ทักษะ และความสามารถด้านดิจิทัลที่จำเป็นในการปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วในโลกปัจจุบัน