17 สิงหาคม 2567/ พลตำรวจเอก เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวว่า ปัจจุบันเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามามีบทบาทสำคัญในชีวิตประจำวันของทุกคนจนเป็นเรื่องปกติแล้ว แต่สิ่งที่กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ห่วงใยเป็นอย่างยิ่ง คือ พฤติกรรมการใช้สมาร์ทโฟน แท็บเล็ต และอุปกรณ์ดิจิทัลอื่น ๆ ของเด็กเล็กที่ติดหน้าจอมากจนเกินไป ส่งผลต่อพัฒนาการหลายด้าน
ทั้งนี้ ข้อมูลจากทั่วโลกเริ่มแสดงให้เห็นถึงผลกระทบจากการใช้จอดิจิทัลในวัยเด็กเล็ก จนทำให้หลายประเทศต้องเริ่มร่างกฎหมายหรือกำหนดนโยบายเพื่อจำกัดการใช้โทรศัพท์มือถือในโรงเรียน เช่น ฝรั่งเศส ออกกฎหมายห้ามใช้โทรศัพท์มือถือในโรงเรียนสำหรับนักเรียนอายุไม่เกิน 15 ปี ตั้งแต่ปี 2018 เพื่อช่วยลดการรบกวนในชั้นเรียน และแก้ไขปัญหาสุขภาพจิตจากการใช้สื่อดิจิทัลมากเกินไป
ด้านเนเธอร์แลนด์ และฟินแลนด์ก็เริ่มใช้มาตรการคล้ายกันในปี 2024 โดยมีการจำกัดหรือห้ามใช้โทรศัพท์มือถือในโรงเรียนเพื่อลดผลกระทบเชิงลบที่อาจเกิดขึ้น ขณะที่อิตาลีมีบางโรงเรียนที่ครูจะเก็บโทรศัพท์ของนักเรียนไว้ตั้งแต่เข้าโรงเรียนในแต่ละวัน เพื่อป้องกันไม่ให้ใช้ในช่วงเวลาเรียน
พล.ต.อ.เพิ่มพูน กล่าวต่อไปว่า ในประเทศไทยมีการศึกษาวิจัยที่ชี้ให้เห็นว่าการใช้สื่อดิจิทัลมากเกินไปในเด็กเล็ก อาจส่งผลกระทบต่อพัฒนาการด้านสมองและสติปัญญา ซึ่งหนึ่งในงานวิจัยพบว่าเด็กที่ใช้เวลาหน้าจอมากกว่า 6 ชั่วโมงครึ่งต่อวัน มีค่าเฉลี่ย IQ ต่ำกว่ากลุ่มเด็กที่ใช้เวลาหน้าจอน้อยกว่าอย่างมาก อีกทั้งยังมีความเสี่ยงที่จะเกิดปัญหาสมาธิสั้นและการเรียนรู้ที่ช้าลง ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่ออนาคตของเด็กในระยะยาว
เพื่อรับมือกับปัญหานี้ ศธ. โดยสำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา (สกศ.) ได้เสนอนโยบาย “3 เร่ง 3 ลด 3 เพิ่ม” ต่อที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายการพัฒนาเด็กปฐมวัย ผลคือที่ประชุมเห็นชอบนโยบายดังกล่าว เพื่อส่งเสริมพัฒนาการเด็กปฐมวัยในสภาวะวิกฤต ซึ่งประเด็นหนึ่งในนั้น คือ วิกฤตด้านเด็กปฐมวัยมีแนวโน้มในการใช้โทรศัพท์มือถือที่สูงขึ้น
พล.ต.อ.เพิ่มพูน กล่าวเพิ่มเติมว่า ศธ. มุ่งลดการใช้สื่อหน้าจอในเด็กปฐมวัยก่อนวัย 2 ขวบ เพื่อลดความเครียด คืนความสุขแก่เด็กปฐมวัยทั้งทางร่างกายและจิตใจ ต่อเนื่องด้วยการเพิ่มกิจกรรมส่งเสริมพัฒนาการและการเรียนรู้ผ่านการเล่นหลากหลาย เช่น ดนตรี กีฬา การออกกำลังกาย การเล่าและอ่านนิทานสม่ำเสมอ เพิ่มความรัก ความใส่ใจ และส่งเสริมเวลาคุณภาพของครอบครัว
ขณะเดียวกัน ศธ. ได้มอบหมายให้สำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ศึกษาแนวทางการลดใช้สมาร์ทโฟนหรืออุปกรณ์ต่าง ๆ ในโรงเรียน โดยต้องไม่ลิดรอนสิทธิของเด็ก รวมถึงแยกประเด็นนี้จากเรื่องของการใช้อุปกรณ์เป็นสื่อการเรียนการสอนด้วย ซึ่งเป้าหมายสำคัญที่แท้จริงคือการช่วยกันพัฒนาคุณภาพของเด็กทุกช่วงวัยให้เติบโตเต็มที่อย่างมีคุณภาพ
“ขอเน้นย้ำว่า การที่ลูกหลานของเราจะเติบโตอย่างสมบูรณ์ เรียนดี มีความสุขได้นั้น ผู้ปกครองจะเป็นตัวอย่างที่ดีที่สุด โดยเฉพาะการลดใช้สื่อดิจิทัลในชีวิตประจำวันให้เด็ก ๆ ได้เห็น ชวนลูก ๆ ทำกิจกรรมที่มีประโยชน์ ให้เวลากับพวกเขาอย่างเต็มที่ เพราะเขาจะไม่ย้อนกลับมาเป็นเด็กได้อีก ช่วยกันสนับสนุนให้พวกเขาเติบโตขึ้นมาพร้อมกับพัฒนาการที่แข็งแรงทั้งด้านร่างกายและจิตใจ ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญในการพัฒนาประเทศในอนาคต” พล.ต.อ.เพิ่มพูน กล่าว