จังหวัดลพบุรี รับรองผลการพิจารณาผลโหวต 1 จังหวัด 1 เมนู เชิดชูอาหารถิ่น “แกงคั่วกระท้อน” เป็นอาหารถิ่นสู่มรดกทางวัฒนธรรมและอัตลักษณ์ความเป็นไทย (Thailand Best Local Food) “รสชาติ…ที่หายไป The Lost Taste” ของจังหวัดลพบุรี

วันที่ 14 สิงหาคม 2567 เวลา 09.30 น. ณ ห้องประชุมสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดลพบุรี อำเภอเมืองลพบุรี จังหวัดลพบุรี ว่าที่ร้อยตรี ทรงพล แป้นแก้ว รองผู้ว่าราชการจังหวัดลพบุรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการ การคัดเลือกเมนูอาหารถิ่นของจังหวัด โครงการส่งเสริมและพัฒนายกระดับอาหารถิ่นสู่มรดกทางวัฒนธรรมและอัตลักษณ์ความเป็นไทย (Thailand Best Local Food) “รสชาติ…ที่หายไป The Lost Taste” ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 ครั้งที่ 2/2567 โดยมีนางสุวจี ศิริปัญโญ นายกเหล่ากาชาดจังหวัดลพบุรี พร้อมด้วยคณะกรรมการการคัดเลือกเมนูอาหารถิ่นของจังหวัดฯ เข้าร่วมประชุม

โดยคณะกรรมการฯ ได้ร่วมกันพิจารณาคัดเลือกเมนูอาหารที่ผ่านหลักเกณฑ์ประกอบไปด้วย 1.มัสยาหลงไพร 2.พล่ากุ้งไข่เค็มเมืองนารายณ์ 3.แกงคั่วกระท้อน 4.ขนมต้มญวน 5.ขนมเปี๊ยะปิ้งไส้กระท้อนทรงเครื่องเมืองละโว้ โดยให้ประชาชนร่วมโหวต คัดเลือกเมนูอาหารถิ่นของจังหวัด ในโครงการส่งเสริมและพัฒนายกระดับอาหารถิ่นสู่มรดกทางวัฒนธรรมและอัตลักษณ์ความเป็นไทย (Thailand Best Local Food) “รสชาติ…ที่หายไป The Lost Taste” ผ่านช่องทางระบบ online ทางเพจ สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดลพบุรี และสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดลพบุรี และเครือข่ายต่าง ๆ ของจังหวัด โดยระบบได้ปิดโหวตเมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 2567 ที่ผ่านมา ซึ่งเมนูอาหารที่ได้รับผลการโหวตมากที่สุดได้แก่ อันดับที่ 1 แกงคั่วกระท้อน ได้ 516 คะแนน อันดับที่ 2 มัสยาหลงไพร ได้ 117 คะแนน และ อันดับที่ 3 ขนมเปี๊ยะปิ้งไส้กระท้อนทรงเครื่องเมืองละโว้ ได้ 80 คะแนน โดยคณะกรรมการได้ร่วมรับรองผลการพิจารณาผลโหวต แกงคั่วกระท้อน เพื่อเสนอต่อไปยังกรมส่งเสริมวัฒนธรรมดำเนินการต่อไป

ทั้งนี้ การส่งเสริมและพัฒนายกระดับอาหารถิ่นสู่มรดกทางวัฒนธรรมและอัตลักษณ์ความเป็นไทย (Thailand Best Local Food) “รสชาติ…ที่หายไป The Lost Taste” ซึ่งเป็นเมนูอาหารถิ่นที่เสี่ยงต่อการสูญหาย หาทานได้เฉพาะถิ่น ไม่ได้มีการบริโภคอย่างแพร่หลายในปัจจุบันควรได้รับการรักษาและสืบทอด เพราะเป็นอาหารที่แสดงถึงภูมิปัญญา ความผูกพัน ในวิถีชีวิตและนำวัตถุดิบ พื้นถิ่นมาประยุกต์ใช้เป็นส่วนประกอบ ภายใต้ความหลากหลายทางวัฒนธรรมและความหลากหลายทางชีวภาพเป็นอาหารที่มีคุณค่า เป็นแบบอย่างที่ควรเชิดชูให้อยู่คู่กับท้องถิ่น ทำให้เกิดการรักษา และฟื้นฟูพัฒนาไปสู่เมนูอาหารถิ่นที่สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจของชุมชน ทำให้เกิดการอนุรักษ์และสืบสานให้เป็นมรดก ภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมของจังหวัดต่อไป