กระทรวงสาธารณสุข จัดโครงการพาหมอไปหาประชาชนฯ 4 ครั้งสุดท้าย ที่ จ.บุรีรัมย์ ร้อยเอ็ด จันทบุรี และ ตราด ภาพรวมตลอดโครงการจัดบริการ 100 ครั้ง ครบทั้ง 77 จังหวัด ช่วยประชาชนพื้นที่ห่างไกลเข้าถึงบริการทางการแพทย์กว่า 1.8 ล้านราย เป็นบริการคลินิกเฉพาะทางกว่า 1.2 ล้านราย ช่วยประชาชนได้รับการค้นหาและรักษาโรคในระยะเริ่มต้นอย่างทันท่วงที และลดค่าใช้จ่ายในการเข้ารับบริการได้กว่า 1,300 ล้านบาท
วันที่ 13 สิงหาคม 2567 นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า โครงการพาหมอไปหาประชาชน เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ระหว่างวันที่ 10-11 สิงหาคม 2567 ซึ่งเป็นสัปดาห์สุดท้ายของโครงการฯ ได้จัดบริการประชาชนอีก 4 ครั้ง ที่ โรงพยาบาลนางรอง จังหวัดบุรีรัมย์ ผู้รับบริการ 1,196 ราย โรงพยาบาลโพนทอง จังหวัดร้อยเอ็ด ผู้รับบริการ 1,107 ราย โรงพยาบาลมะขาม จังหวัดจันทบุรี ผู้รับบริการ 1,380 ราย และเทศบาลตำบลแสนตุ้ง จังหวัดตราด ผู้รับบริการ 922 ราย รวมตลอดระยะเวลาดำเนินการตั้งแต่วันที่ 4 มกราคม 2567 เป็นต้นมา จัดบริการประชาชนทั้งสิ้น 100 ครั้ง ครบทั้ง 77 จังหวัด
นพ.โอภาส กล่าวต่อว่า กองตรวจราชการ กระทรวงสาธารณสุข ได้สรุปผลการจัดโครงการพาหมอไปหาประชาชนฯ พบว่า ทำให้ประชาชนได้เข้าถึงบริการจากแพทย์เฉพาะทางรวดเร็วขึ้น ได้รับการค้นหาและรักษาโรคในระยะเริ่มต้นอย่างทันท่วงที ส่งผลให้ลดการป่วยและเสียชีวิตได้มากขึ้น ที่สำคัญช่วยลดค่าใช้จ่ายของประชาชนในการเข้ารับบริการได้ประมาณ 1,373,997,600 บาท โดยตลอดโครงการมีประชาชนเข้ารับบริการ 1,861,860 ราย จาก 72 คลินิกหลักและคลินิกเสริม ในจำนวนนี้ เป็นการรับบริการในคลินิกเฉพาะทางถึง 1,289,080 ราย มากสุด ได้แก่ คัดกรองมะเร็งเต้านม, มะเร็งตับและท่อน้ำดี, ทันตกรรม, ตาในเด็กและผู้สูงอายุ และมะเร็งลำไส้ใหญ่ ตามลำดับ ส่วนการทำหัตถการเฉพาะทางมี 65,648 ราย มากสุด ได้แก่ ตรวจแมมโมแกรมและอัลตร้าซาวด์เต้านม, อัลตร้าซาวด์ตับและท่อน้ำดี, ส่องกล้องตรวจลำไส้ใหญ่, ผ่าตัดต้อกระจก และส่องกล้องปากมดลูก
“นอกจากหน่วยงานกระทรวงสาธารณสุขทั้งส่วนกลางและส่วนภูมิภาคแล้ว ต้องขอขอบคุณภาคีเครือข่ายทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาชน อสม.และจิตอาสา ที่ร่วมแรงร่วมใจกันดำเนินงาน ทำให้การจัดโครงการพาหมอไปหาประชาชนฯ ครั้งนี้ประสบความสำเร็จด้วยดี ได้รับการตอบรับจากประชาชนและสามารถช่วยเหลือประชาชนได้จำนวนมาก” นพ.โอภาสกล่าว