กรม สบส. มอบประกาศนียบัตรหลักสูตร MEP 2024 ผู้บริหารชั้นแนวหน้า ร่วมดันอุตสาหรกรรมการแพทย์ไทยสู่เวทีโลก

Featured Video Play Icon

กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (กรม สบส.) จัดพิธีมอบประกาศนียบัตรแก่ผู้สำเร็จหลักสูตรอบรม Medical Hub Executive Program 2024 (MEP 2024) ผลิตผู้บริหารชั้นแนวหน้า จากทั้งภาครัฐ และภาคธุรกิจ รวม 85 ราย ร่วมผลักดันนโยบายอุตสาหกรรมการแพทย์ไทยสู่เวทีโลก

วันที่ 6 สิงหาคม 2567 ณ โรงแรมอัศวิน แกรนด์ คอนเวนชั่น กรุงเทพฯ พลเอกสุรยุทธ จุลานนท์ ประธานองคมนตรี เป็นประธานมอบประกาศนียบัตรแก่ผู้สำเร็จการอบรมหลักสูตร MEP 2024 โดยมีนายแพทย์สุระ วิเศษศักดิ์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ เป็นผู้กล่าวรายงานสรุปการจัดการอบรมหลักสูตร MEP 2024

นายแพทย์สุระ วิเศษศักดิ์ อธิบดี กรม สบส. ให้สัมภาษณ์ว่า ตามที่ กรม สบส.ร่วมกับมูลนิธิกรม สบส.จัดหลักสูตรอบรมสำหรับผู้บริหารระดับสูง Medical Hub Executive Program 2024 เพื่อส่งเสริมและพัฒนาผู้บริหารทั้งภาครัฐ และภาคธุรกิจ ทั้ง 85 ท่าน ให้มีองค์ความรู้ทางวิชาการที่ทันสมัย สนับสนุนศักยภาพในการแข่งขันด้านธุรกิจการดูแลสุขภาพของประเทศไทย ซึ่งถือเป็นหมุดหมายสำคัญที่นักลงทุนและนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกต่างให้ความสนใจ โดยหลักสูตร MEP 2024 เริ่มอบรมตั้งแต่วันที่ 7 พฤษภาคม ถึง 6 สิงหาคม 2567 ระยะรวมเวลา 14 สัปดาห์ ณ โรงแรมอัศวิน แกรนด์ คอนเวนชั่น กรุงเทพมหานคร และศึกษาดูงานในกรุงเทพมหานคร และจังหวัดท่องเที่ยวเชิงสุขภาพชั้นนำ ภายใต้การออกแบบหลักสูตรที่มีเนื้อหาทันสมัย Big 4 Innovation Module “I for D H S S” ที่มุ่งเน้น 1.ด้านกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจสุขภาพ 2.กรณีศึกษาของกิจการด้านสุขภาพชั้นนำ 3.ทิศทางนโยบายรัฐบาล สภาพสังคม เศรษฐกิจ และ4.นโยบายสำคัญด้าน Soft Power ที่ส่งผลต่อการขับเคลื่อน และยกระดับอุตสาหกรรมสุขภาพให้มีมูลค่าสูง ซึ่งผู้ที่ผ่านการอบรมฯ จะนำความรู้ที่ได้รับไปใช้พัฒนาศักยภาพการแข่งขันด้านธุรกิจทางการแพทย์และสุขภาพให้สามารถตอบโจทย์ต่อแนวโน้มและความท้าทายของระบบสุขภาพไทย ผลักดันอุตสาหกรรมการแพทย์และสุขภาพไทยขึ้นแท่นผู้นำในอุตสาหกรรมการแพทย์ครบวงจรอย่างแท้จริง

ด้าน ดร.ทันตแพทย์อาคม ประดิษฐสุวรรณ รองอธิบดีกรม สบส. กล่าวว่า จากการพูดคุยและรับฟังข้อคิดเห็นจากผู้เข้ารับการอบรมหลักสูตร MEP 2024 ในช่วง 14 สัปดาห์ที่ผ่านมา พบว่าผู้เข้ารับการอบรมมีความเห็นต่อหลักสูตรฯ ในทิศทางที่ดี อาทิ เนื้อหาวิชาการอบรมของหลักสูตรมีความสอดคล้อง มีการระบุแผนการอบรมอย่างชัดเจน ตรงกับความต้องการของผู้รับการอบรม วิทยากรแต่ละท่านมีคุณวุฒิ ประสบการณ์ที่เหมาะสม มีการบรรยาย และอภิปรายที่เน้นให้ความสำคัญต่อผู้เข้ารับการอบรม สามารถนำความรู้ที่ได้รับไปใช้พัฒนาทักษะที่มีอยู่เดิม และพัฒนาให้เกิดทักษะใหม่ในการดำเนินการด้านธุรกิจสุขภาพเป็นอย่างดี อีกทั้ง ยังเป็นโอกาสในการสร้างเครือข่ายทางธุรกิจ (Business Networking) ทำให้ได้เครือข่ายและความร่วมมือทางธุรกิจ รวมทั้งเห็นโอกาสทางธุรกิจ/ตัวอย่างจากธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ กิจกรรมการประชุมวิชาการกลุ่ม ทำให้เกิดข้อเสนอเชิงนโยบายในการเดินหน้าอุตสาหกรรมการแพทย์ของไทยสูเวทีโลก