เมื่อวันที่ 7 ส.ค.67 ที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เดินทางมาเป็นสักขีพยานในพิธีลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือการบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ให้เกิดความสมดุลและยั่งยืน ระหว่าง นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงฯ กับ นายมนตรี ลาวัลย์ชัยกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ ปตท.สผ.
พล.ต.อ.พัชรวาท กล่าวว่า การรักษาสิ่งแวดล้อม เป็นเรื่องที่รัฐบาล โดยกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง และได้วางแนวทางให้ทุกภาคส่วน ได้ตระหนักถึงปัญหาและแก้ปัญหาร่วมกัน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน ที่ผ่านมา กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้ดำเนินการอย่างเต็มที่ โดยอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งระดับชุมชน และธุรกิจในทุกระดับ ให้มีพลังในการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอย่างสมดุลและยั่งยืน วันนี้ถือเป็นโอกาสอันดี ที่ได้เชิญชวนให้ ปตท.สผ. มาร่วมทำงานด้านการรักษาสิ่งแวดล้อม โดยการลงนามเอ็มโอยูร่วมกัน เพื่อบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมให้เกิดความสมดุลและยั่งยืน โดยจะมีความร่วมมือในหลายมิติ ทั้งการอนุรักษ์ ฟื้นฟู ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และความหลากหลายทางชีวภาพ การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีเพื่อสนับสนุนการอนุรักษ์ ฟื้นฟู พร้อมกับสนับสนุนเด็กและเยาวชนในการส่งเสริมและให้การศึกษาเกี่ยวกับการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม รวมทั้งกิจกรรมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการอนุรักษ์และรักษาสิ่งแวดล้อม โดยปตท.สผ. พร้อมให้การสนับสนุนงบประมาณที่สำคัญเป็นระยะเวลา 3 ปี เพื่อดำเนินการกิจกรรมให้บรรลุตามวัตถุประสงค์ดังกล่าว
พล.ต.อ.พัชรวาท กล่าวว่า ขอขอบคุณ ปตท.สผ. และหวังว่าภายใต้ความร่วมมือของทั้ง 2 หน่วยงาน จะทำให้เกิดผลสัมฤทธิ์ไปในทิศทางที่ดีขึ้นกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมของประเทศไทยต่อไป
นายมนตรี ลาวัลย์ชัยกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ปตท.สผ. กล่าวว่า ปตท.สผ. มีภารกิจหลัก ในการสำรวจ พัฒนา และผลิตปิโตรเลียมทั้งในและต่างประเทศ เพื่อสร้างความมั่นคงทางพลังงานให้แก่ประเทศไทย และขยายการลงทุนโดยมุ่งเน้นธุรกิจพลังงานสะอาด ควบคู่ไปกับการดูแลสิ่งแวดล้อม ชุมชนและสังคม เพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน ในการดำเนินภารกิจดังกล่าว ปตท.สผ. ได้รับการสนับสนุนจากกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมด้วยดีมาตลอด ทั้งภารกิจการสำรวจและผลิตปิโตรเลียม ตลอดจนโครงการด้านความยั่งยืนต่าง ๆ อาทิ โครงการภายใต้กลยุทธ์ “ทะเลเพื่อชีวิต” (Ocean for Life) เพื่อฟื้นฟูดูแลความสมบูรณ์ทางทะเล โครงการปลูกป่าเพื่อเพิ่มพื้นที่สีเขียว รวมถึง โครงการเพื่อสังคมในด้านอื่น ๆ สำหรับความร่วมมือของทั้ง 2 องค์กรครั้งนี้ นับเป็นอีกครั้งที่มีความสำคัญในการอนุรักษ์ ฟื้นฟู ทรัพยากรธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม และความหลากหลายทางชีวภาพ การนำเทคโนโลยีอันทันสมัยมาประยุกต์ใช้ในการสนับสนุน การดำเนินงานดังกล่าว รวมทั้ง การสนับสนุนโครงการหรือกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อให้การบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมของประเทศไทยเกิดความสมดุลและยั่งยืน