วันที่ 30 กรกฎาคม 2567 ทำเนียบรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และดร.ปิ่นสักก์ สุรัสวดี อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ร่วมงานเปิดตัวโครงการรักษ์ 72 หาดไทย เฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธี มหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 และโครงการ ภูเก็ต Sandbox ต้นแบบอนุรักษ์หาดไทย เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี ได้มอบหมายให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) จัดทำโครงการเฉลิมพระเกียรติเนื่องในโอกาสเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 72 พรรษา 28 กรกฎาคม 2567 เพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 รวมถึงสร้างความตระหนักด้านการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมให้กับประชาชน อันจะนำไปสู่การท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ทางทะเลและชายฝั่งอย่างยั่งยืน และรณรงค์ลด ละ เลิก การใช้บรรจุภัณฑ์ประเภทพลาสติกชนิดใช้ครั้งเดียวทิ้ง (Single-Use Plastic) ตลอดจนส่งเสริมการใช้บรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (Eco-Friendly Packaging) ในแหล่งท่องเที่ยวทางทะเลและชายฝั่ง
นายเศรษฐา กล่าวว่า ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สร้างรายได้ให้กับประเทศชาติ คิดเป็นมูลค่า 2 ล้านล้านบาท นับว่าเป็นทรัพยากรที่มีคุณค่าสูงมาก และเพื่อเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวและพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวทางทะเลของไทย ตนจึงได้มอบหมายให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หารือร่วมกับกระทรวงมหาดไทย และกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา จัดโครงการรักษ์ 72 หาดไทย เฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธี มหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 ขึ้น เพื่อรักษาความสะอาดและความสวยงามของชายหาด ที่จะทำให้ประเทศไทยมีศักยภาพในการดึงดูดนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศ ให้มาเที่ยวแหล่งท่องเที่ยวทางทะเลของไทยเพิ่มมากขึ้น โดยมีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) เป็นหน่วยงานหลักในการประสานงานการดำเนินโครงการดังกล่าว ทั้งนี้ ได้กำหนดพื้นที่เป้าหมายจังหวัดชายฝั่งทะเล 7 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดตราด ระยอง ชลบุรี สุราษฎร์ธานี ตรัง กระบี่ และภูเก็ต ตลอดจนนำแผนปฏิบัติการด้านการจัดการขยะพลาสติก ระยะที่ 2 (พ.ศ. 2566 – 2570) มาใช้เป็นกรอบแนวคิดในการจัดทำมาตรการดำเนินงาน ประกอบด้วย 4 มาตรการ คือ มาตรการที่ 1 ส่งเสริมการผลิตและขายบรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม มาตรการที่ 2 รณรงค์ใช้ผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม มาตรการที่ 3 การจัดการขยะ อย่างถูกหลักวิชาการ และมาตรการที่ 4 เก็บขยะตกค้างบริเวณชายหาดและในทะเล ทั้งนี้ เป้าหมายของการดำเนินโครงการดังกล่าวคือการยกเลิกการผลิต/ขายพลาสติกชนิดใช้ครั้งเดียวทิ้ง จำนวนไม่น้อยกว่า 3 ชนิด ผู้บริโภคใช้ผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม มากกว่าร้อยละ 80 จำนวนผู้ประกอบการท่องเที่ยวใช้ผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ร้อยละ 80 ตลอดทั้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นออกข้อบัญญัติท้องถิ่นในการเก็บรวบรวมและคัดแยกขยะ และมีระบบการจัดการเก็บรวบรวมและคัดแยกขยะพลาสติกอย่างถูกหลักวิชาการ และมีระบบป้องกันการหลุดรอดของขยะจากแม่น้ำลำคลองลงสู่ทะเล ที่สำคัญที่สุดคือไม่มีขยะตกค้างบริเวณชายหาดและในทะเล
นายกรัฐมนตรี กล่าวต่อไปว่า โครงการ ภูเก็ต Sandbox ต้นแบบอนุรักษ์หาดไทย เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 เป็นพื้นที่ต้นแบบการดำเนินงานในการลดปัญหาขยะชายหาด ส่งเสริมการใช้บรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม การสร้างความร่วมมือกับทั้งกลุ่มผู้ค้าบริเวณชายหาดและนักท่องเที่ยวเพื่อการจัดการขยะที่ถูกต้อง รวมถึงการส่งเสริมให้ธุรกิจที่สนับสนุนการท่องเที่ยวบริเวณชายหาดมีการดำเนินการอย่างเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ซึ่งจะขยายผลไปยังชายหาดอื่นๆ ให้ครบ เพื่อร่วมเป็นโครงการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 72 พรรษา 28 กรกฎาคม 2567 ทั้งนี้ เป้าหมายของการดำเนินโครงการดังกล่าวมีเป้าหมายในการยกเลิกการผลิตขายพลาสติกชนิดใช้ครั้งเดียวทิ้ง จำนวนไม่น้อยกว่า 1 ชนิด ผู้บริโภคใช้ผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม มากกว่าร้อยละ 50 จำนวนผู้ประกอบการท่องเที่ยวใช้ผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ร้อยละ 50 ตลอดทั้งมีระบบการจัดการเก็บรวบรวมและคัดแยกขยะพลาสติก ระบบป้องกันการหลุดรอดขยะจากแม่น้ำ ลำคลองลงสู่ทะเล อย่างไรก็ตาม โครงการรักษ์ 72 หาดไทยฯ และโครงการ ภูเก็ต SandBox จะเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ให้เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในพื้นที่ทางทะเลของประเทศไทย เพราะความสมบูรณ์ของทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ทุกภาคส่วนต่างร่วมแรงร่วมใจกันอนุรักษ์และฟื้นฟูจะยังคงความสมบูรณ์และยั่งยืนครอบคลุมในทุกมิติอย่างมีประสิทธิภาพและต่อเนื่องต่อไป