วันที่ 23 กรกฎาคม 2567 นายแพทย์วีรวัฒน์ มโนสุทธิ นายแพทย์ทรงคุณวุฒิ และโฆษกกรมควบคุมโรค กล่าวว่า สถานการณ์โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ยังคงมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะโรคซิฟิลิส ที่พบอัตราป่วยในปี 2566 (ข้อมูล ณ วันที่ 18 ก.ค. 2567) เพิ่มขึ้นกว่า 2 เท่าจากปี 2561 (จากอัตราป่วย 11 เพิ่มเป็น 28.1 ต่อประชากรแสนคน) เพิ่มขึ้น 3 เท่าในกลุ่มเยาวชน (จากอัตราป่วย 27.9 เพิ่มเป็น 91.2 ต่อประชากรแสนคน) และสถานการณ์การติดเชื้อซิฟิลิสในหญิงตั้งครรภ์ ปี 2566 เพิ่มขึ้น 5 เท่าจากปี 2561 (จากร้อยละ 0.26 เพิ่มเป็น 1.30) ซึ่งอัตราป่วยที่เพิ่มสูงขึ้นนี้ เป็นสัญญาณบ่งบอกถึงการมีพฤติกรรมทางเพศที่ไม่ปลอดภัย และมีโอกาสเสี่ยงต่อการติดเชื้อเอชไอวี 5-9 เท่า
ซิฟิลิสติดทางเพศสัมพันธ์ที่ไม่ป้องกัน การใช้เข็มฉีดยาร่วมกับผู้ติดเชื้อ และติดจากแม่ที่ติดเชื้อซิฟิลิส แล้วไม่ได้รับการรักษาสู่ทารกในครรภ์ หลังจากได้รับเชื้อในช่วงแรกอาจจะพบแผลที่อวัยวะเพศ หรือทวารหนัก ลักษณะเป็นแผลสะอาดไม่เจ็บ บริเวณขอบแผลแข็งคล้ายกระดุม ซิฟิลิสระยะที่ 2 จะมีผื่นแดงตามตัว ฝ่ามือ ฝ่าเท้า มักไม่คัน มีผื่นในช่องปาก ผมร่วง ผู้ติดเชื้อบางรายอาจไม่แสดงอาการ แต่เชื้อนั้นยังอยู่ในร่างกาย ถ้าไม่ได้รับการรักษา เมื่อเวลาผ่านไป เชื้อนี้สามารถก่อให้เกิดความผิดปกติ ที่สมอง รวมถึงระบบหัวใจและหลอดเลือดได้ จึงแนะนำให้ทุกคนใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์กับทุกคน ทุกช่องทาง เพื่อป้องกันซิฟิลิสและโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่นๆ หากไม่มีอาการ จะทราบว่าติดเชื้อซิฟิลิสก็ต่อเมื่อไปตรวจเลือดเท่านั้น ถ้ามีเพศสัมพันธ์ที่มีความเสี่ยง (แม้ไม่มีอาการ) แนะนำให้รีบมาตรวจคัดกรองและเข้าสู่การรักษา เพราะโรคซิฟิลิสรักษาได้ หายขาด พร้อมชวนคู่มาตรวจและรักษาอย่างต่อเนื่อง ระหว่างรักษา ควรงดมีเพศสัมพันธ์จนกว่าจะรักษาหาย และใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้ง และทุกช่องทางที่มีเพศสัมพันธ์ เพื่อป้องกันการติดเชื้อซ้ำ
นอกจากนี้ แนะนำหญิงตั้งครรภ์ให้รีบฝากครรภ์ทันทีที่ทราบว่าตั้งครรภ์ และฝากครรภ์ครั้งแรก ไม่ควรเกิน 12 สัปดาห์ เพื่อรับการตรวจคัดกรองซิฟิลิส หากติดเชื้อจะได้รับการรักษาทันที ป้องกัน การถ่ายทอดเชื้อซิฟิลิสจากแม่สู่ทารกในครรภ์ ทั้งนี้ คู่ของหญิงตั้งครรภ์ควรได้รับการตรวจคัดกรองซิฟิลิสพร้อมกัน โดยสามารถตรวจคัดกรองได้ที่หน่วยบริการสุขภาพทุกแห่ง ตามสิทธิประโยชน์ สปสช. กรมควบคุมโรคห่วงใย อยากเห็นคนไทยมีสุขภาพดี สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ สายด่วนกรมควบคุมโรค 1422 และกองโรคเอดส์และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ 02 590 3217 , 02 590 3219