วันพฤหัสบดีที่ ๒๙ สิงหาคม ๒๕๖๒ เวลา ๑๓.๐๐ น. รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายเทวัญ ลิปตพัลลภ ในฐานะประธานกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค แถลงข่าวการจับกุมบุหรี่ไฟฟ้า ณ ชั้น ๑ ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ ๑๑๖๖ สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ
พลตำรวจตรี ประสิทธิ เฉลิมวุฒิศักดิ์ เลขาธิการคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค ได้สั่งการให้ชุดปฏิบัติการพิเศษเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค ตรวจจับขยายผลจากการตรวจยึดในครั้งก่อนที่มีการขายบุหรี่ไฟฟ้าโดยการถ่ายทอดสดผ่านสื่อออนไลน์ (๒๔ ส.ค.๖๒) โดยในวันที่ ๒๘ ส.ค.๖๒ เวลา ๒๐.๐๐ น. พลตำรวจตรี ญาณพงศ์ โสมาภา ผบก. กองร้องทุกข์สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ พร้อมด้วยพันตำรวจเอก ประทีป เจริญกัลป์ เลขานุการกรม สคบ. จึงได้นำกำลังชุดปฏิบัติการพิเศษ สคบ. ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจท้องที่ ลงพื้นที่สืบสวนได้ทราบว่าจะมีการใช้รถยนต์ยี่ห้อโตโยต้าในการขนส่งบุหรี่ไฟฟ้าไปส่งให้กับลูกค้าบริเวณไปรษณีย์ศูนย์ฝากหัวลำโพง จึงได้วางกำลังเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการพิเศษ สคบ. และเจ้าหน้าที่ตำรวจสังเกตการณ์จนกระทั่งพบรถยนต์คันต้องสงสัยจึงเข้าแสดงตัวเป็นพนักงานเจ้าหน้าที่ขอทำการตรวจค้น จึงพบบุหรี่ไฟฟ้า และน้ำยาเติมบุหรี่ไฟฟ้า ซุกซ่อนอยู่ในรถยนต์ สอบถามผู้ขับขี่รถยนต์ทราบว่า ได้รับแจ้งจากระบบ Grab Taxi ว่าจ้างให้นำสินค้าไปส่ง โดยได้รับสินค้าของกลางมาจากบ้านเลขที่ ๙๙/๘๒ หมู่บ้านมัณฑนา ซอย ๑๐ ถนนประชาอุทิศ ๗๒ คณะเจ้าหน้าที่จึงได้ประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ทุ่งครุ นำกำลังเฝ้าสังเกตการณ์ เมื่อเวลา ๐๒.๐๐ น. วันที่๒๙ สิงหาคม ๒๕๖๒ เจ้าหน้าที่ได้นำหมายค้นเข้าตรวจค้นในบ้านเลขที่หลังดังกล่าว ได้พบนายกฤศณัฎฐ์ฯ อายุ ๒๙ ปี ซึ่งอาศัยและแสดงตัวเป็นผู้ดูแลพร้อมยินยอมให้เข้าทำการตรวจค้นโดยไม่ต้องใช้หมายค้น
ผลการตรวจค้น พบสินค้าที่ผิดกฎหมาย อยู่ในบ้านหลังดังกล่าวซึ่งใช้เป็นสถานที่เก็บและกระจายสินค้าจำนวนมาก ดังนี้ บุหรี่ไฟฟ้า จำนวน ๖ ลัง น้ำยาเติมบุหรี่ไฟฟ้า จำนวน ๑๖ ลัง อุปกรณ์บุหรี่ไฟฟ้าจำนวน ๑๕ ลัง กล่องเล็ก ๑๖๐ กล่อง สมุดรับโอนเงินจากลูกค้า จำนวน ๒ เล่ม และอุปกรณ์อื่นหลายรายการ มูลค่าของกลางร่วม ๑๐ ล้านบาท สอบถามนายกฤศณัฎฐ์ยอมรับว่าสินค้าดังกล่าวเป็นของตน และมีไว้เพื่อขายให้กับลูกค้าที่สั่งซื้อออนไลน์ โดยจะส่งสินค้าผ่านไปรษณีย์ศูนย์ฝากหัวลำโพง ตามที่พนักงานเจ้าหน้าที่ได้ตรวจยึด
จึงได้ตรวจยึดสินค้าไปประกอบการดำเนินคดีตามกฎหมาย ซึ่งการขายสินค้าดังกล่าว เป็นการฝ่าฝืนคำสั่งคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค ที่ ๙/๒๕๕๘ เรื่อง ห้ามขายหรือห้ามให้บริการสินค้า บารากู่ บารากู่ไฟฟ้า บุหรี่ไฟฟ้า หรือน้ำยาสำหรับเติมบุหรี่ไฟฟ้า ผู้ใดขายเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๖๒ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน ๓ ปี หรือ ปรับไม่เกิน ๖๐๐,๐๐๐ บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ทั้งนี้ขอเตือน ผู้บริโภคให้เล็งเห็นถึงพิษภัยของการสูบบุหรี่ไฟฟ้าซึ่งมีสารอันตรายหลายชนิด และเป็นอันตรายต่อสุขภาพ