รัฐมนตรีท่องเที่ยวเสริมศักดิ์ พร้อมหนุนโครงการ Green Road Trip ในเขตพัฒนาการท่องเที่ยวชายฝั่งทะเลตะวันตก 4 จังหวัด (เพชรบุรี ประจวบฯ ชุมพร ระนอง) เชื่อมโยงเส้นทางท่องเที่ยวจากเมืองหลักสู่เมืองน่าเที่ยว

รัฐมนตรีท่องเที่ยวเสริมศักดิ์ พร้อมหนุนโครงการ Green Road Trip ในเขตพัฒนาการท่องเที่ยวชายฝั่งทะเลตะวันตก (Thailand Riviera) ของ 4 จังหวัด (เพชรบุรี ประจวบฯ ชุมพร ระนอง) เป็นอีกหนึ่งจุดหมายปลายทางสำหรับผู้ชื่นชอบการขับรถ (Drive Tourism) เชื่อมโยงเส้นทางท่องเที่ยวจากเมืองหลักสู่เมืองน่าเที่ยว ชู Soft Power ตลอดเส้นทางฝั่งทะเลตะวันตกของไทยที่สวยงามไม่แพ้ชาติใดในโลก มุ่งตลาดนักท่องเที่ยวคุณภาพสูง คาดการณ์ว่า กิจกรรมภายใต้โครงการดังกล่าวจะมีเม็ดเงินหมุนเวียนในประเทศจากนักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างชาติที่เข้าร่วมทริปครั้งนี้ถึง 2,377,500 บาท

นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยภายหลังการแถลงข่าวกิจกรรมโครงการ Green Road Trip : มหัศจรรย์มนต์เสน่ห์แห่งชายฝั่งทะเลตะวันตก (Thailand Riviera) ภายใต้โครงการบูรณาการและขับเคลื่อนการท่องเที่ยวสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน ของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาว่า โครงการฯ ดังกล่าว เป็นการบูรณาการความร่วมมือจากทั้ง 4 จังหวัดภายใต้เขต Thailand Riviera ที่มีผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบุรี เป็นหัวหน้าเขตฯ โดยกิจกรรมภายใต้โครงการนี้ จะจัดขึ้นในห้วงเดือนสิงหาคม 2567 (ระยะเวลา 3 วัน 2 คืน) ซึ่งมีกลุ่มเป้าหมาย คือ นักท่องเที่ยวคุณภาพสูงที่ชื่นชอบการขับรถ มีกำลังซื้อสูง ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ จากมาเลเซียและสิงคโปร์ จำนวน 100 คน คาดการณ์รายได้จากทริปนี้จะมีเงินหมุนเวียนในพื้นที่และในภาพรวมของประเทศโดยรวมอยูที่ประมาณ 2.37 ล้านบาท แบ่งออกเป็นค่าใช้จ่ายต่อหัวของนักท่องเที่ยวไทยอยู่ที่ประมาณ 16,500 บาท และค่าใช้จ่ายต่อหัวของนักท่องเที่ยวต่างชาติ (มาเลเซียและสิงคโปร์) อยู่ที่ประมาณ 65,000 บาท การันตีรายได้ภาคการท่องเที่ยวสู่ชุมชน โครงการดังกล่าวจัดเป็นตลาดเชิงรุก Rising Starts เนื่องจากเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวคุณภาพสูงที่มีรถเป็นของตนเองและมีการเดินทางที่เป็นหมู่คณะในกลุ่มที่มีความชื่นชอบเหมือนกัน มีกำลังซื้อสูง และยังสามารถขับรถเที่ยวได้ทุกฤดูกาล ถือเป็นการขานรับนโยบายรัฐบาล Ignite Thailand ที่มุ่งเน้นการเป็น Tourism Hub ของโลก เชื่อมโยงเส้นทางท่องเที่ยวจากเมืองหลักสู่เมืองน่าเที่ยวในพื้นที่ ต่อยอด ไปสู่การเดินทางท่องเที่ยวเชื่อมโยงระหว่างภูมิภาคและระหว่างประเทศได้เป็นอย่างดี เน้นสร้างบรรยากาศให้เอื้อต่อการเดินทางสร้างความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัย อำนวยความสะดวกให้แก่นักท่องเที่ยวเพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดี ผ่านเอกลักษณ์ไทย 5 Must Do (Must Beat สุดยอดกีฬาไทย/ Must Eat : อาหารถิ่นไทย/ Must Seek : Unseen Thailand / Must See : ศิลปะวัฒนธรรมไทย/Must Buy : สินค้าไทย) รวมถึงการพัฒนาทุกเมืองให้เป็นเมืองท่องเที่ยว ตลอดจนส่งเสริมให้อาเซียนเป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวทั่วโลก (Hub of Asean) ทั้งนี้ ในมุมของผู้แทนชมรมขับขี่รถยนต์ และรถจักรยานยนต์รวมถึงผู้แทนชมรมรถจากประเทศมาเลเซียที่เข้าร่วมการแถลงข่าวและเป็นหนึ่งในผู้ร่วมทริปครั้งนี้ เผยให้ความสำคัญกับการขับขี่รถผ่านเส้นทางสวยๆ อย่าง Thailand Riviera และพร้อมส่งเสริมการท่องเที่ยวไทย เชื่อมโยงสู่เพื่อนบ้าน และประเทศในกลุ่มอาเซียน เพื่อแบ่งปันประสบการณ์ดีๆ และชูเสน่ห์ soft power ระหว่างกัน

รัฐมนตรีเสริมศักดิ์เผยทิ้งท้ายว่า พร้อมต่อยอดโครงการลักษณะนี้เพื่อเชื่อมโยงการท่องเที่ยวระหว่างประเทศต่อไปในอนาคต ในการกระตุ้นเศรษฐกิจไปยังตลาดต่างประเทศที่ชื่นชอบการขับรถระหว่างประเทศมากยิ่งขึ้น เสริมต่อนโยบายการขับรถท่องเที่ยวระหว่างประเทศของรัฐบาลไทยในกลุ่มอาเซียน (Asean Drive Tourism) และที่สำคัญการขับเคลื่อนการท่องเที่ยวไม่อาจสำเร็จได้ หากปราศจากการบูรณาการความร่วมมือจากภาคีเครือข่ายทุกภาคส่วน ในการขับเคลื่อนการท่องเที่ยว สร้างการรับรู้ กระตุ้นเศรษฐกิจในพื้นที่ของตน ร่วมกันเป็นเจ้าบ้านที่ดีในการต้อนรับนักท่องเที่ยว ทำให้การท่องเที่ยวของไทยเกิดความยั่งยืน โดยไม่ทอดทิ้งใครไว้ข้างหลังมุ่งสู่เป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน (Sustainable Development Goals : SDGs) ไปด้วยกัน ในปี ค.ศ. 2030 (ปี พ.ศ.2573) หรือ อีก 6 ปีข้างหน้า