นายชัยพล สุขเอี่ยม อธิบดีกรมการศาสนา ในฐานะประธานการประชุมคณะอนุกรรมการกลั่นกรองคัดเลือกผู้ทำคุณประโยชน์ต่อพระพุทธศาสนา ประจำปี พ.ศ. 2567 กล่าวว่า ที่ประชุมได้พิจารณากลั่นกรองผลงานของบุคคลและหน่วยงานที่ส่งผลงานขอรับการคัดเลือกเบื้องต้น ในส่วนกลาง (กรุงเทพมหานคร) และต่างประเทศ และส่วนภูมิภาค และรวบรวมรายชื่อ ประวัติและผลงานของผู้ทำคุณประโยชน์ต่อพระพุทธศาสนา ที่ผ่านการกลั่นกรองแล้ว เสนอคณะกรรมการคัดเลือกผู้ทำคุณประโยชน์ต่อพระพุทธศาสนา ประจำปี พ.ศ. 2567 เพื่อพิจารณาต่อไป โดยมี พระโสภณวชิราภรณ์ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดอรุณราชวราราม พระเมธาวินัยรส ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดราชประดิษฐสถิตมหาสีมาราม และพระสุธีวชิรปฏิภาณ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม เป็นที่ปรึกษาคณะอนุกรรมการ พร้อมด้วยคณะอนุกรรมการและเลขานุการ ผู้บริหาร ข้าราชการ และเจ้าหน้าที่กรมการศาสนาที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมประชุม ณ ห้องประชุม 1 ชั้น 8 กระทรวงวัฒนธรรม กรุงเทพมหานคร เมื่อเร็วๆนี้
อธิบดีกรมการศาสนา (อศน) กล่าวว่า ในการประชุมครั้งนี้ เป็นการประชุมเพื่อพิจารณารายชื่อและผลงานของผู้ที่สมควรได้รับการเสนอชื่อเป็นผู้ทำคุณประโยชน์ต่อพระพุทธศาสนา ประจำปี พ.ศ. 2567 ตามที่คณะทำงานกลั่นกรองคัดเลือกผลงานผู้ทำคุณประโยชน์ต่อพระพุทธศาสนาพิจารณาคัดเลือกและนำเสนอ จำนวน 160 ราย ใน 10 ประเภท ได้แก่ ประเภทส่งเสริมการศึกษาพระพุทธศาสนา ประเภทส่งเสริมการศึกษาพระพุทธศาสนาตามอัธยาศัย ประเภทส่งเสริมการเผยแผ่พระพุทธศาสนา ประเภทส่งเสริมการปฏิบัติธรรม ประเภทส่งเสริมกิจการคณะสงฆ์ ประเภทการนำหลักธรรมทางพระพุทธศาสนาช่วยเหลือประชาชนและพัฒนาชุมชน ประเภทส่งเสริมและอนุรักษ์มรดกวัฒนธรรมทางพระพุทธศาสนา ประเภทสื่อมวลชนส่งเสริมพระพุทธศาสนา ประเภทหน่วยงานส่งเสริมกิจกรรมทางพระพุทธศาสนา ประเภทบุคคลผู้ประกอบอาชีพที่มีคุณธรรมและส่งเสริมพระพุทธศาสนา ซึ่งประวัติและผลงานของผู้ที่ผ่านการพิจารณาคัดเลือกจากคณะอนุกรรมการฯ จะนำเสนอต่อคณะกรรมการคัดเลือกผู้ทำคุณประโยชน์ต่อพระพุทธศาสนา ประจำปี พ.ศ. 2567 พิจารณต่อไป
อธิบดีกรมการศาสนา (อศน) กล่าวต่อว่า ผู้ที่ได้รับการคัดเลือกเป็นผู้ทำคุณประโยชน์ต่อพระพุทธศาสนา ถือเป็นผู้มีบทบาทสำคัญในการจรรโลงและเผยแผ่พระพุทธศาสนาให้ดำรงอยู่ในสังคมไทยอย่างเข้มแข็ง ทั้งยังเป็นผู้อุทิศตนทั้งกำลังกาย กำลังสติปัญญาและกำลังทรัพย์ให้กับพระพุทธศาสนาโดยกุศลเจตนาอันบริสุทธิ์ เพื่อมุ่งหวังให้พระพุทธศาสนามีความเจริญวัฒนาสถาพร เป็นประโยชน์แก่สังคมและประเทศชาติ ถือได้ว่าเป็นผู้ที่มีคุณธรรม สามารถเป็นแบบอย่างที่ดีแก่เด็ก เยาวชนและประชาชน โดยจะได้เข้ารับพระราชทานรางวัลเสาเสมาธรรมจักร จากสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี อันเป็นเกียรติยศแห่งการทำความดี และคุณความดีแก่พระพุทธศาสนาควรค่าแก่การยกย่องเชิดชูให้ธำรงรักษาคุณธรรมแห่งความดีนี้ ให้มั่นคงสืบไป
สำหรับ รางวัลเสาเสมาธรรมจักร มีสัญลักษณ์และความหมายประกอบด้วย
1. วงล้อธรรมจักร ส่วนกลางวงล้อเป็นดุมล้อ มีลวดลายกระจังตาอ้อยล้อมรอบลงยาสีแดง ถัดออกมาเป็นซี่ล้อ มีทั้งหมด 12 ซี่ ซึ่งเป็นตราสัญลักษณ์ประจำกรมการศาสนาได้นำมาใช้ประกอบการออกแบบ ตัววงล้อเป็นลายดอกบัวบานประดับวงล้อ หมายถึง ความเจริญงอกงาม เปรียบดั่งการทำความดีสามารถทำได้ตลอดเวลา ในดอกบัวบานประดับด้วยพลอยขาว
2. ตัวเสา ประกอบด้วย ส่วนฐานหน้ากระดานลวดลายลูกฟัก ประจำยามก้ามปู ร่องพื้นลงยาสีเขียวภายในดอกประจำยามประดับพลอยสีน้ำเงิน และภายในช่องของลายก้ามปูประดับด้วยพลอยสีขาว ลวดลายบัวคว่ำ ส่วนปลายของกลีบบัวคว่ำลงยาสีแดงภายในไส้ของกลีบบัวประดับพลอยสีเขียว หน้ากระดานเหนือกลีบบัวคว่ำพลอยสีน้ำเงิน เหนือขึ้นไปเป็นชั้นลูกแก้ว ประดับพลอยสีขาว และปลายของกลีบบัวหงายลงยาสีแดง ภายในไส้ของกลีบบัวประดับพลอยสีขาว ตัวเสากลมผิวเรียบ เหนือตัวเสาเป็นลายกลีบบัวคว่ำ ปลายกลีบบัวลงยาสีแดง ภายในไส้กลีบบัว ประดับพลอยสีเขียว เหนือชั้นกลีบบัวคว่ำเป็นชั้นลูกแก้วประดับพลอยสีขาว เหนือชั้นลูกแก้วเป็นชั้นบัวหัวเสาล้อมรอบ ประดับเกสรบัว และมีฐานลวดรองรับวงล้อธรรมจักร ทุกส่วนของเสาเสมาธรรมจักร ปิดทองคำเปลวแท้
3. ฐานไม้สักรองรับหรือไม้สังเคราะห์ตามความเหมาะสม เพื่อที่จะทำการสลักชื่อผู้เข้ารับพระราชทานด้านหน้าของฐานไม้