ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เผย ได้ร่วมหารือกับคณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ในการเชื่อมต่อข้อมูลและระบบส่งต่อ เพื่อเตรียมรองรับการขยายโครงการยกระดับ 30 บาท รักษาทุกที่ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร และการนำ AI มาใช้พัฒนางานด้านสุขภาพ โดยทางศิริราชเห็นถึงประโยชน์ในการจัดบริการสุขภาพแก่ประชาชน และจะส่งเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องมาร่วมจัดทำกรอบความร่วมมือในการพัฒนางานแต่ละด้านต่อไป
นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยถึงการขับเคลื่อนนโยบายยกระดับ 30 บาท รักษาทุกที่ด้วยบัตรประชาชนใบเดียวของรัฐบาล ว่า เมื่อวานนี้ (11 กรกฎาคม 2567) ได้นำคณะผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุข หารือแนวทางความร่วมมือกับ ศ. นพ.อภิชาติ อัศวมงคลกุล คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล และคณะ ในประเด็นการเชื่อมต่อข้อมูลและระบบส่งต่อ เพื่อเตรียมการรองรับการขยายโครงการ 30 บาท รักษาทุกที่ฯ ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขมีโครงข่ายหลายส่วนที่พร้อมสำหรับการเชื่อมต่อข้อมูล ทั้งระบบสารสนเทศเพื่อการเบิกจ่าย (FDH) ระบบยืนยันตัวตนผู้รับและผู้ให้บริการ (Health ID/Provider ID) ระบบบันทึกข้อมูลส่วนบุคคล (Personal Health Record : PHR) ระบบเฝ้าระวังโรค digital 506 และระบบข้อมูลกลาง Health Data Center สามารถนำข้อมูลที่มีมาวิเคราะห์ประมวลผลเพื่อใช้ในการพัฒนางานได้อย่างดี
นายแพทย์โอภาส กล่าวต่อว่า ในส่วนของคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มีการพัฒนาแพลตฟอร์มดิจิทัลในระบบสุขภาพเช่นกัน และบางส่วนเป็นความร่วมมือกับโรงพยาบาลในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข เช่น การใช้ AI ในการเอกซเรย์ปอดและเอกซเรย์คอมพิวเตอร์, ระบบช่องทางด่วนโรคหลอดเลือดสมอง เป็นต้น จึงมีการหารือเกี่ยวกับความร่วมมือในการนำเทคโนโลยี AI มาใช้ในการจัดบริการสุขภาพและการพัฒนาในอนาคต ได้แก่ ระบบฐานข้อมูลรูปภาพทางการแพทย์ ( Imaging hub ) การใช้ AI ช่วยวินิจฉัยการเอกซเรย์ปอดทั่วประเทศและขยายสู่โครงการที่จำเป็น อาทิ การคัดกรองวัณโรค การใช้ AI เพื่อการเบิกจ่าย รวมทั้งการสร้างเครือข่ายข้อมูลสำหรับงานเชิงวิจัย วิชาการสารสนเทศ เทคโนโลยีดิจิทัล และปัญญาประดิษฐ์
ทั้งนี้ ทางคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาลเห็นด้วยว่าความร่วมมือดังกล่าวจะอำนวยความสะดวกให้กับผู้รับบริการและเป็นประโยชน์อย่างมากในการจัดบริการสุขภาพแก่ประชาชน และได้มอบให้หน่วยงานของศิริราชมาร่วมประชุมกับหน่วยงานของกระทรวงสาธารณสุข เพื่อสร้างกรอบความร่วมมือในการพัฒนางานแต่ละด้านร่วมกันต่อไป