กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ดำเนินการร่วมกับหน่วยงานในพื้นที่เพื่อเฝ้าระวังโรคและภัยสุขภาพอย่างต่อเนื่อง ขอให้ประชาชนระมัดระวังอันตรายหรือการบาดเจ็บจากอุบัติเหตุต่างๆ ได้ เช่น ลมพายุ อุบัติเหตุจากการจราจร และการจมน้ำ ขณะฝนตกลมแรง ขอให้หลีกเลี่ยงการอยู่กลางแจ้ง ไม่อยู่ใกล้ต้นไม้สูง เสาไฟฟ้า และป้ายโฆษณา
วันที่ 28 สิงหาคม 2562 นายแพทย์อัษฏางค์ รวยอาจิณ รองอธิบดีและโฆษกกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ในช่วงนี้เป็นช่วงฤดูฝนทำให้ในหลายพื้นที่ของประเทศไทยมีฝนตกอย่างต่อเนื่อง ประชาชนควรระมัดระวังอาจเจ็บป่วยได้ง่าย รวมถึงอันตรายที่อาจเกิดขึ้นได้ เช่น ลมพายุ อุบัติเหตุจากการจราจร และการจมน้ำ กรมควบคุมโรค จึงมอบหมายให้สำนักงานป้องกันควบคุมโรคทั้ง 12 แห่งทั่วประเทศ และสถาบันป้องกันควบคุมโรคเขตเมือง เตรียมความพร้อมและเฝ้าระวังสถานการณ์ในพื้นที่รับผิดชอบร่วมกับหน่วยงานสาธารณสุขในพื้นที่อย่างใกล้ชิด เพื่อดูแลประชาชนที่อาจได้รับผลกระทบดังกล่าว
คำแนะนำสำหรับประชาชนในการเตรียมความพร้อมรับมือกับลมพายุ นั้น หากอาศัยอยู่บริเวณริมน้ำหรือในพื้นที่เสี่ยงตามที่มีหน่วยงานภาครัฐแจ้งเตือน ควรรีบเคลื่อนย้ายไปอยู่ในพื้นที่ปลอดภัย โดยเฉพาะเด็ก ผู้สูงอายุ และผู้ป่วยที่อยู่ในความดูแล นอกจากนี้ ควรจัดเตรียมน้ำ อาหารแห้ง ไฟฉาย ตลอดจนยารักษาโรคให้พร้อม โดยในช่วงฝนตกหนักและมีลมพายุ ขอให้ประชาชนหลีกเลี่ยงอยู่กลางแจ้ง ไม่อยู่ใกล้ต้นไม้สูง เสาไฟฟ้า ป้ายโฆษณา ควรหลบในตัวอาคารที่มีความมั่นคง ไม่ควรใช้โทรศัพท์ และหลีกเลี่ยงการใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าทุกชนิด ในขณะที่ฟ้าร้องฟ้าผ่า นอกจากนี้ ควรระมัดระวังโรคที่อาจเกิดขึ้นภายหลังเหตุการณ์ เช่น โรคฉี่หนู โรคทางเดินหายใจ และโรคอุจจาระร่วง เป็นต้น โดยประชาชนสามารถขอความช่วยเหลือด้านการป้องกันควบคุมโรค ได้จากสำนักงานสาธารณสุขหรือสำนักงานป้องกันควบคุมโรคในพื้นที่
นายแพทย์อัษฏางค์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ส่วนพื้นที่ฝนตกหนักให้เตรียมรับมือกับน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก น้ำล้นตลิ่ง โดยขอให้ประชาชนติดตามข่าวสารจากหน่วยงานของรัฐอย่างใกล้ชิด เตรียมความพร้อมในทุกด้านเพื่อป้องกันความสูญเสีย ทั้งในกลุ่มผู้ใหญ่และเด็ก โดยเฉพาะป้องกันการจมน้ำ ขอให้ประชาชนยึดหลัก “3 ห้าม 2 ให้” โดย 3 ห้าม ได้แก่ 1.ห้ามเล่นน้ำ 2.ห้ามหาปลา/เก็บผัก 3.ห้ามดื่มสุรา และ 2 ให้ ได้แก่ 1.ให้สวมเสื้อชูชีพ (หรือนำอุปกรณ์ที่ลอยน้ำได้ติดตัวไปด้วย เช่น ถังแกลลอน/ขวดน้ำพลาสติกเปล่าปิดฝา) และ 2.ให้เดินทางเป็นกลุ่ม เพื่อคอยดูแลกันและกัน
ทั้งนี้ หากประชาชนมีความจำเป็นต้องขับขี่ยานพาหนะ ขอให้ประเมินสถานการณ์อย่างถี่ถ้วน เพื่อความปลอดภัย โดยเปิดไฟหน้ารถ เพื่อช่วยให้มองเห็นชัดเจนขึ้น ลดความเร็ว และทิ้งระยะห่างจากรถคันหน้าเพิ่มขึ้น เพราะสภาพถนนที่เปียกลื่น ต้องใช้ระยะห่างในการหยุดรถเพิ่มขึ้น หลีกเลี่ยงการแซง เมื่อต้องขับรถผ่านบริเวณน้ำท่วมขัง ขอให้หยุดรถและประเมินสถานการณ์ หากระดับน้ำสูงไม่ควรขับรถฝ่าไป หากพบเห็นผู้ที่ได้รับบาดเจ็บจากอุบัติเหตุ ขอให้โทรแจ้งขอความช่วยเหลือจากทีมแพทย์กู้ชีพทันที โทร. 1669 พร้อมแจ้งข้อมูลผู้ประสบอุบัติเหตุ และสถานที่เกิดเหตุ สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร. 1422
ข้อมูลจาก : กองโรคไม่ติดต่อ / สำนักสื่อสารความเสี่ยงฯ กรมควบคุมโรค
วันที่ 28 สิงหาคม 2562