วันที่ 2 กรกฎาคม 2567 นายแพทย์ธงชัย กีรติหัตถยากร อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ช่วงฤดูฝนและลมมรสุม มีฝนตกหนักและลมแรงในบางพื้นที่ ประชาชนควรระมัดระวังการอยู่ในพื้นที่โล่งแจ้ง ใกล้ต้นไม้สูงใหญ่ หรือป้ายโฆษณาที่ไม่แข็งแรง เพราะอาจเกิดการหักโค่นล้ม หรือหล่นทับ ทำให้เกิดการบาดเจ็บหรือเสียชีวิตได้ ควรวางแผนการเดินทางและสังเกตอาคารที่กำบัง ที่มีความแข็งแรง ปลอดภัย และติดตามพยากรณ์อากาศอย่างสม่ำเสมอ การเดินเรือหรือกิจกรรมทางน้ำควรระวังคลื่นลมแรง หากเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉิน ควรตั้งสติและขอความช่วยเหลือ
กรมควบคุมโรค แนะนำให้ประชาชนเตรียมตัวป้องกันอันตรายช่วงลมมรสุม ดังนี้ 1.ติดตามพยากรณ์อากาศ 2.สังเกตท้องฟ้า เมื่อเห็นว่าฝนใกล้จะตกให้รีบกลับเข้าบ้านหรือหาที่หลบ 3.ตัดกิ่งไม้หรือต้นไม้ที่มีความเสี่ยงที่จะหัก ซึ่งอาจเกิดอันตรายทำให้บาดเจ็บหรือเสียชีวิตได้ 4.ตรวจสอบบ้านเรือนให้มั่นคงแข็งแรง 5.จัดเก็บสิ่งของในบ้านที่อาจเสียหายหรือปลิวตามกระแสลมได้ 6.ติดตั้งสายดินที่อุปกรณ์ไฟฟ้า 7.ตรวจสอบและซ่อมแซมอุปกรณ์ไฟฟ้าและสายไฟที่เสี่ยงต่อการเกิดไฟฟ้ารั่ว 8.จัดเตรียมของใช้ที่จำเป็นไว้ใช้ยามฉุกเฉิน เช่น ไฟฉาย ยา อาหารแห้ง 9.วางแผนการเดินทางและสังเกตอาคารที่กำบังที่มีความแข็งแรง ปลอดภัย 10.เมื่อพบเห็นเสาไฟฟ้า ป้ายโฆษณาชำรุด หรือไม่แข็งแรงให้รีบแจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง 11.หลีกเลี่ยงกิจกรรมทางน้ำหรือการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง 12.ระมัดระวังการลงเล่นน้ำบริเวณชายหาดที่มีการเตือนคลื่นทะเลดูด (Rip current)
นายแพทย์ธงชัย กล่าวต่อว่า ในกรณีที่พบพายุฝน-ลมแรง ควรมีการป้องกันตนเองให้ปลอดภัย ดังต่อไปนี้ 1.หากอยู่ในบ้านให้รีบปิดประตูและหน้าต่างให้มิดชิด 2.ปลดปลั๊กอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าที่ไม่ได้ใช้ออก 3.หากอยู่ข้างนอกให้รีบเข้าไปในอาคารหรือที่กำบังที่แข็งแรง 4.หลีกเลี่ยงการอยู่ในที่โล่งแจ้ง ใต้ต้นไม้ใหญ่ ป้ายโฆษณา เสาไฟฟ้า หรืออาคารที่โครงสร้างที่ไม่แข็งแรง 5.อยู่ห่างจากวัตถุหรือรั้วที่เป็นโลหะ 6.งดใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าและเครื่องมือสื่อสาร 7.หากกำลังตกปลาหรือว่ายน้ำให้ขึ้นจากน้ำทันที และออกห่างจากแหล่งน้ำ 8.หากอยู่บนรถให้หาที่จอดที่ปลอดภัย 9.อยู่ภายในอาคารหรือที่กำบังอย่างน้อย 30 นาทีหลังจากพายุฝนได้สงบลง เพราะยังมีความเสี่ยงที่จะเกิดฟ้าผ่า 10.เมื่อได้รับบาดเจ็บหรือเจ็บป่วยฉุกเฉิน สามารถโทรขอความช่วยเหลือได้ที่หมายเลข 1669 ตลอด 24 ชั่วโมง
หากพบเห็นผู้บาดเจ็บ ควรให้การช่วยเหลืออย่างรวดเร็ว โดยประเมินสถานการณ์ความปลอดภัยของที่เกิดเหตุ และโทรขอความช่วยเหลือจากศูนย์บริการการแพทย์ฉุกเฉิน เบอร์ 1669 พร้อมแจ้งข้อมูลผู้บาดเจ็บและสถานที่เกิดเหตุให้ทราบ สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร. 1422