นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยกล่าวว่า จากการลงพื้นที่หลายจังหวัดได้เห็นความคืบหน้าในการดำเนินการจัดรูปที่ดินหลายแห่งให้เป็นพื้นที่พัฒนาที่สำคัญอย่างเป็นระบบ นับว่าเป็นที่น่าพอใจ และคงได้ทยอยเห็นผลงานอีกซึ่งจะเป็นการพัฒนาคุณภาพชีวิต และโอกาสในการทำมาหากินของพี่น้องประชาชนโดยเฉพาะการเพิ่มมูลค่าของที่ดิน ขณะที่ภาครัฐก็ประหยัดงบประมาณเพื่อการลงทุนต่างๆ โดยเฉพาะในการเวนคืนที่ดิน ซึ่งประชาชนก็ได้สะท้อนถึงความพอใจ และชื่นชมการทำงานของราชการที่ได้พัฒนาโครงการนี้ขึ้น ที่ได้สร้างความมั่งคั่งให้กับประชาชน ซึ่งข้อมูลที่กรมโยธาธิการและผังเมือง ได้รายงานทราบว่าตั้งแต่เริ่มดำเนินการมาเมื่อปี 52 ถึงปัจจุบัน ทรัพย์สินของประชาชนที่ถนนจากการจัดรูปที่ดินตัดผ่านมีมูลค่าเพิ่มขึ้นกว่า 5 หมื่นล้านบาท ถือว่าเป็นผลงานและเป็นประโยชน์ที่เกิดกับส่วนรวมและประชาชน ตนพร้อมที่จะสนับสนุนโครงการที่เป็นประโยชน์เช่นนี้ ขอให้เป็นนโยบายว่าถ้าทาง กรมโยธาธิการและผังเมือง ทำได้มากกว่านี้ก็ขอให้ทำอย่างเต็มที่เพื่อให้เป็นประโยชน์กับประชาชน
นายพงศ์รัตน์ ภิรมย์รัตน์ อธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมือง กล่าวว่า โครงการจัดรูปที่ดินเพื่อพัฒนาพื้นที่เป็นโครงการที่กรมโยธาธิการและผังเมือง มุ่งมั่น ตั้งใจดำเนินการเพื่อ “บำบัดทุกข์ บำรุงสุข” ให้กับพี่น้องประชาชน และมีนโยบายให้ทุกจังหวัดดำเนินโครงการก่อสร้างถนนตามผังเมืองรวมโดยใช้วิธีการจัดรูปที่ดินฯ อย่างน้อยจังหวัดละ 1 โครงการ เพื่อเป็นเครื่องมือในการนำผังเมืองรวมไปสู่การปฏิบัติ และเป็นตัวอย่างให้ประชาชน รวมถึงภาคเอกชนเห็นถึงประโยชน์ของวิธีการจัดรูปที่ดินฯ และสามารถขยายผลให้เกิดโครงการต่อ ๆ ไปได้ ทำให้เกิดการพัฒนาเมืองตามผังเมืองอย่างเป็นรูปธรรม สามารถพัฒนาทั้งโครงข่ายถนนและการใช้ประโยชน์ที่ดินในคราวเดียว โดยใช้ “โครงสร้างพื้นฐานชี้นำการพัฒนา” โครงข่ายถนนในโครงการที่เกิดขึ้นจะเชื่อมโยงกับโครงข่ายถนนเดิมและพื้นที่ชุมชนเมือง และยังเป็นการกระจายบริการขั้นพื้นฐานให้ทั่วถึงที่ดินทั้งบริเวณ โดยไม่ต้องใช้การเวนคืนที่ดิน ช่วยลดปัญหาการขยายตัวของเมืองอย่างไร้ทิศทาง (Urban Sprawl) หรือการขยายตัวตามแนวถนน (Ribbon Development)
นอกจากนี้บริเวณพื้นที่ที่ได้รับการจัดรูปที่ดินฯ จะสามารถรองรับกิจกรรมที่จะเกิดขึ้นในเมือง ช่วยเสริมสร้างศักยภาพของชุมชน ลดความเหลื่อมล้ำ เพิ่มมูลค่าที่ดินและกระตุ้นเศรษฐกิจในพื้นที่ เป็นการคืนความสุขสู่ชุมชนโดยแท้จริง จะเห็นได้ว่าประโยชน์ของการดำเนินโครงการจัดรูปที่ดินเพื่อพัฒนาพื้นที่นั้นเกิดขึ้นกับทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็น
1. ประชาชนที่เข้าร่วมโครงการ จะได้รับการแก้ปัญหาที่ดินตาบอด ให้สามารถใช้ประโยชน์ได้เต็มศักยภาพ แปลงที่ดินเป็นระเบียบ สวยงาม เกิดสภาพแวดล้อมที่ดี และที่ดินมีมูลค่าสูงขึ้น
2. ประชาชนและชุมชนบริเวณโดยรอบโครงการ ได้รับความสะดวกสบายและมีความปลอดภัยจากโครงสร้างพื้นฐาน ที่ได้มาตรฐาน สามารถเข้าถึงบริการสาธารณะได้อย่างเท่าเทียม ลดความเหลื่อมล้ำ และช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน
3. เมืองและชุมชนที่เป็นที่ตั้งโครงการได้รับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานครบถ้วนและเพียงพอ เกิดการพัฒนาอย่างเป็นระบบและปลอดภัย ที่ดินไม่ถูกทิ้งร้าง เสริมสร้างศักยภาพของชุมชนและช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในพื้นที่
4. เป็นการเพิ่มมูลค่าทรัพย์สินของประเทศ และเพิ่มรายได้จากการจัดเก็บภาษีที่ดินและภาษีอื่นๆ ที่จะตามมา
นับเป็นการส่งเสริมให้เกิดการพัฒนาทางด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม จากการมีส่วนร่วม ของประชาชนไปสู่การมีส่วนเลือกทางเลือกพัฒนาพื้นที่ของตนและชุมชน ทำให้ชุมชนและเมือง เกิดความอยู่ดีมีสุข และพัฒนาได้อย่างยั่งยืนต่อไป
อธิบดีฯ ได้กล่าวเพิ่มเติมว่า กรมโยธาธิการและผังเมืองได้ดำเนินโครงการจัดรูปที่ดินมาตั้งแต่ปี 2552 ถึงปัจจุบัน มีโครงการจัดรูปที่ดินเพื่อพัฒนาพื้นที่ดำเนินการแล้ว จำนวน 71 โครงการ ในพื้นที่ 54 จังหวัด ส่วนใหญ่เป็นโครงการที่ดำเนินการโดยกรมโยธาธิการและผังเมือง ร่วมกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น โดยได้รับการสนับสนุนงบประมาณการก่อสร้างถนน ตามผังเมืองรวมจากกรมโยธาธิการและผังเมือง ในโครงการจัดรูปที่ดินฯ แล้วทั้งสิ้นจำนวน 4,347 ล้านบาท และประชาชนที่เข้าร่วมโครงการร่วมปันที่ดินเพื่อเป็นที่ดินสำหรับก่อสร้างถนนและค่าใช้จ่ายการก่อสร้างถนนสายรอง และสาธารณูปโภค เป็นจำนวนเงินประมาณ 5,724 ล้านบาท
หากพี่น้องประชาชนสนใจเข้าร่วมโครงการจัดรูปที่ดินเพื่อพัฒนาพื้นที่สามารถติดต่อได้ที่สำนักงานโยธาธิการและผังเมืองจังหวัดทั้ง 76 จังหวัดทั่วประเทศ หรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่กำกับดูแลพื้นที่ของท่าน กรมโยธาธิการและผังเมือง ยินดีให้การสนับสนุน เพื่อความสุขของพี่น้องประชาชน…