องค์การเภสัชกรรมร่วมจัดงานมหกรรมสมุนไพรแห่งชาติ ครั้งที่ 21 นำเสนอ โครงการ PLANTXGPO การพัฒนาสมุนไพรไทยภายใต้แนวคิด GPO Plant Based Medicine พร้อมจำหน่ายผลิตภัณฑ์ในราคาพิเศษ

องค์การเภสัชกรรมร่วมจัดงานมหกรรมสมุนไพรแห่งชาติครั้งที่ 21 ระหว่างวันที่ 3 – 7 กรกฎาคม 2567 ณ อาคาร 11-12 ศูนย์แสดงสินค้า และการประชุมอิมแพค เมืองทองธานี ภายใต้แนวคิด GPO Plant Based Medicine จัดแสดงภาพวาดของสมุนไพรไทย โชว์ผลิตภัฑ์ PLANTXGPO พร้อมจำหน่ายผลิตภัณฑ์ในราคาพิเศษลดถึง 65%

พญ.มิ่งขวัญ สุพรรณพงศ์ ผู้อำนวยการองค์การภสัชกรรม เปิดเผยว่าองค์การเภสัชกรรมร่วมจัดงานมหกรรมสมุนไพรแห่งชาติครั้งที่ 21 ระหว่างวันที่ 3 – 7 กรกฎาคม 2567 ตั้งแต่เวลา 10.00 -20.00 น. ณ อาคาร 11 – 12 ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพค เมืองทองธานี จังหวัดนนทบุรี ภายในบูธขององค์การเภสัชกรรม มีการจัดนิทรรศการ ภายใต้แนวคิด GPO PLANT BASED MEDICINE มีการจัดแสดงภาพวาดของสมุนไพรไทย การจัดแสดง “ขมิ้นชัน สุดยอดสมุนไพร ป้องกัน บำรุง รักษา” ที่ผลักดันสู่เวทีโลก นำเสนอผลิตภัณฑ์ครีมบำรุง ภายใต้ Brand GPO Curmin นำเสนอผลิตภัณฑ์สมุนไพรต่างๆ เป็นต้น รวมถึงมีการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ภายใต้ยุทธศาสตร์ PLANTXGPO โดยมุ่งเน้นการพัฒนาผลิตภัณฑ์สมุนไพรขององค์การเภสัชกรรม และร่วมมือกับภาคส่วนต่างๆ ทั้งรัฐ เอกชน และภาคการศึกษา ในความมุ่งมั่นที่จะเพิ่มมูลค่าสมุนไพรไทย เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันกับนานาประเทศ รวมทั้งส่งเสริมให้มีงานนวัตกรรมด้านสมุนไพร อันจะนำพาประเทศไทยสู่ ความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน

โครงการ PLANTXGPO เป็นยุทธศาสตร์สำคัญที่องค์การเภสัชกรรมได้เร่งดำเนินการวิจัยและพัฒนาเพื่อยกระดับผลิตภัณฑ์จากสมุนไพรไทยให้ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคในประเทศและตลาดต่างประเทศอย่างตรงจุด ทันสมัยและมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยแบ่งผลิตภัณฑ์ออกเป็น 3 หมวดย่อย ประกอบด้วย 1. หมวดยาและผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่มีสารสำคัญจากพืชเป็นหลัก (Plant based drugs and supplements) ตัวอย่างเช่น ผลิตภัณฑ์สมุนไพรที่ใช้ด้านการกีฬา(sport medicine) อาทิ สเปรย์พ่นและบาล์มเพื่อคลายกล้ามเนื้อ (spray and balm for muscle relaxing ), ผลิตภัณฑ์สมุนไพรสารสกัดขมิ้นชันสูตรเสริมความแข็งแรงของกระดูกและข้อ (Ca-Curmin), ผลิตภัณฑ์สมุนไพรบำรุงร่างกาย, ผลิตภัณฑ์สมุนไพรสารสกัดจากกะหล่ำปลีและหม่อนที่มีสารสำคัญที่ช่วยในการชะลอวัย (plant based NAD+Reserverato supplements) และผลิตภัณฑ์สมุนไพรเม็ดเคี้ยวเพื่อให้เกิดความสดชื่น (BAT-Bio activating tablets) เป็นต้น 2. Plant based Cosmetics – Hair serum ซึ่งใช้สารสกัดจากจมูกข้าว และแก่นมะหาด ซึ่งมีสารสำคัญที่ช่วยบำรุงหนังศีรษะและเพิ่มการเจริญเติบโตของ hair follicle keratinocytes, ผลิตภัณฑ์ Luminous Botanic oilets serum ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่ใช้สารสกัดสำคัญจากเกสรดอกบัวหลวง และ exosome ของดอกกุหลาบ ซึ่งมีประสิทธิภาพสูงในการบำรุงผิวและชะลอวัย และ3. Spa herbal preparations ซึ่งได้แก่ผลิตภัณฑ์ลูกประคบ และน้ำมันหอมระเหย

ผู้อำนวยการองค์การเภสัชกรรม กล่าวต่อไปว่า องค์การฯ มีความพร้อมในการสร้างนวัตกรรมทางยาและเวชภัณฑ์ใหม่ๆ รวมถึงผลิตภัณฑ์สมุนไพร เพื่อตอบสนองความต้องการและความจําเป็นต่อสังคมไทย เพื่อก้าวสู่เวทีโลก โดยสมุนไพรขมิ้นชันนับเป็นหนึ่งในสมุนไพรเด่นขององค์การฯ ทั้งในเรื่องของการป้องกัน บำรุงและรักษา โดยเริ่มการวิจัยพัฒนาผลิตภัณฑ์จากสมุนไพรขมิ้นชันตัวแรกในรูปแบบแคปซูล มีสรรพคุณแก้ท้องอืด ท้องเฟ้อ และมีผลการศึกษาโดยคณะแพทยศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งได้ตีพิมพ์ในวารสารวิชาการ BMJ Evidence-Based Medicine 2023 ประเทศสหรัฐอเมริกา พบว่าการใช้แคปซูลขมิ้นชันให้ผลการรักษาโรคกระเพาะอาหารไม่แตกต่างจากการใช้ยาลดกรดแผนปัจจุบันชื่อโอเมพราโซล (omeprazole) นอกจากนี้ได้พัฒนาการวิจัยวัตถุดิบขมิ้นชัน โดยนำมาสกัดและสังเคราะห์ด้วยนาโนเทคโนโลยี จนได้สาร tetrahydrocurcuminoids หรือ THC จากเดิมที่สารสกัดมีสีเหลืองส้ม ได้เป็นสารสกัดที่มีสีขาว ซึ่งมีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระสูงและต้านการอักเสบ นำมาใช้เป็นส่วนประกอบในผลิตภัณฑ์เคอร์มินบำรุงผิว วางจำหน่ายเป็นครั้งแรกในงานมหกรรมสมุนไพรแห่งชาติ ครั้งที่ 1 เมื่อปี 2547 ครั้งนั้นได้สร้างความตื่นตัวเรื่องผลิตภัณฑ์จากสมุนไพรเป็นอย่างมาก จากนั้นองค์การฯ ได้มีการพัฒนาต่อยอดผลิตภัณฑ์กลุ่ม เคอร์มินมาอย่างต่อเนื่อง

จากคุณสมบัติของขมิ้นชันที่โดดเด่น องค์การฯได้พัฒนาขมิ้นชันแคปซูลจากผงขมิ้นมาเป็นสารสกัดบรรจุแคปซูล ในชื่อ แอนติออกซ์ บรรเทาอาการปวดในโรคข้อเข่าเสื่อม และได้รับขึ้นทะเบียนเป็นยาจากสมุนไพรเป็นรายแรก และมีผลการศึกษาจากทีมผู้วิจัย คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล พบว่าการใช้แคปซูลสารสกัดขมิ้นชันมีประสิทธิผลลดอาการปวดข้อจากโรคข้อเข่าเสื่อมไม่แตกต่างจากการใช้ยาต้านการอักเสบ ไอบูโปรเฟน (ibuprofen) นอกจากนี้ยังมีผลการวิจัยว่าแคปซูลสารสกัดขมิ้นชันสามารถลดภาวะเครียดออกซิเดชัน (oxidative stress) ภาวะเหล็กเกิน และยังช่วยยืดอายุเม็ดเลือดแดง ในผู้ป่วยโรคโลหิตจาง ธาลัสซีเมียได้อีกด้วย

นอกจากผลิตภัณฑ์ขมิ้นชันแล้ว อภ.ได้นำองค์ความรู้ ประสบการณ์ด้านการผลิตวัตถุดิบทางยาและสมุนไพร (API) โดยใช้เทคโนโลยีการผลิต นำมาสกัดและสังเคราะห์ด้วยนาโนเทคโนโลยี พัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์สมุนไพรที่หลากหลายโดยมีงานวิจัยต่างๆรองรับ ไม่ว่าจะเป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหารจากสารสกัดพรมมิชนิดเม็ด ช่วยชะลอความเสื่อมของสมอง สารสกัดเถาวัลย์เปรียง สำหรับบรรเทาอาการปวดเข่าจากข้อเข่าเสื่อม ผ่านการศึกษาทางคลินิกจากคณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล มีประสิทธิผลเทียบเท่ายาแผนปัจจุบัน naproxen และพบอาการข้างเคียงน้อยกว่าผลิตภัณฑ์ไฟโทเพล็กซ์ เป็นผลิตภัณฑ์ที่องค์การฯ ได้พัฒนาจากตำรับยาพื้นบ้านจากภูมิปัญญานำมาต่อยอดความรู้ทางการวิจัย สู่ผลิตภัณฑ์สมุนไพรคุณภาพ ซึ่งรวมสมุนไพรพื้นบ้าน 8 ชนิด ประกอบด้วย พุทธรักษาดอกแดง มะไฟเดือนห้า ปีกไก่ดำ พญายอ เหงือกปลาหมอ แทงทวย ข้าวเย็นเหนือ และข้าวเย็นใต้ ที่มีฤทธิ์ยับยั้งการสร้างหลอดเลือดใหม่และการกระตุ้นการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน ซึ่งฤทธิ์ทั้งสองนี้ เป็นกลไกสำคัญของการพัฒนายาต้านมะเร็งสมัยใหม่ โดยผลิตภัณฑ์ดังกล่าวได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นยาแผนโบราณ มีสรรพคุณแก้น้ำเหลืองเสีย

นอกจากนี้องค์การฯ ได้พัฒนาผลิตภัณฑ์กัญชาทางการแพทย์ตามนโยบายของกระทรวงสาธารณสุขในการนำคุณประโยชน์ทางการแพทย์ของกัญชามาใช้ในการรักษา โดยประสบความสำเร็จพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์สารสกัดกัญชาชนิดหยดใต้ลิ้น 4 สูตรและถูกนำมาใช้ตามแนวทางการรักษาของกรมการแพทย์ และได้ใช้ในคลินิกกัญชาทางการแพทย์ทั่วประเทศจนถึงปัจจุบันที่บูธขององค์การเภสัชกรรม มีการจำหน่าย ผลิตภัณฑ์ครีมบำรุง ภายใต้ Brand GPO Curmin ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ภายใต้ Brand GPO Selext มหัศจรรย์แห่งคุณค่าของธรรมชาติ เป็นต้น อีกทั้งมีการลดราคาผลิตภัณฑ์คุณภาพขององค์การฯ สูงสุดถึง 65% พบกับ GPO Planet café แจกผลิตภัณฑ์น้ำชาใบกัญชงในงานทุกวัน และจะมีการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ภายใต้แบรนด์ GPO SIBANNAC 2 รายการ ได้แก่ GPO SIBANNAC CBD SLEEPING MASK และ GPO SIBANNAC CBD ACNE CARE และเมื่อซื้อสินค้าทุกๆ 500 บาท ได้รับ 1 สิทธิ์ จับรางวัลลุ้นรับของที่ระลึกภายใต้แบรนด์องค์การฯ รวมมูลค่าสูงถึง 100,000 บาท ซื้อสินค้าทุกๆ 1,500 บาท จะได้รับถุงผ้ารักษ์โลก Limited edition ฟรี 1 ใบ มูลค่า 260 บาท และซื้อสินค้าทุกๆ 1,800 บาท จะได้รับส่วนลดราคา 100 บาท พิเศษสุดๆ กับ ซื้อ 1 แถม 1 ทุกวันเวลาประมาณ 12.00 และ 15.00 น.และยังมีกิจกรรม “GPO Planet แชะ + โชว์ +แชร์” โดยเชิญชวนให้ผู้เข้าร่วมงานถ่ายรูปภายในบูธขององค์การเภสัชกรรมแล้วแชร์ลงโซเชี่ยลมีเดียพร้อมตั้งค่าเป็นสาธารณะ ผู้ร่วมสนุกจะได้รับผลิตภัณฑ์จากองค์การเภสัชกรรม ได้ทดลองใช้ผลิตภัณฑ์ จึงขอเชิญชวนผู้ที่สนใจเข้าร่วมงานมหกรรมสมุนไพรแห่งชาติ ครั้งที่ 21 ที่บูธขององค์การเภสัชกรรม และ ซื้อผลิตภัณฑ์ในราคาพิเศษ พร้อมลุ้นรับของรางวัลมากมาย ได้ตามวัน เวลา และสถานที่ดังกล่าว