กรมการค้าต่างประเทศโชว์ผลงานดันผู้ประกอบการค้าข้าวรายเล็กในงาน THAIFEX 2024 ยอดสั่งซื้อกว่า 600 ล้านบาท

กรมการค้าต่างประเทศปลื้มกระแสตอบรับข้าวไทย ผู้ประกอบการค้าข้าวรายเล็กพบผู้ซื้อ ผู้นำเข้าข้าวในงาน THAIFEX – ANUGA ASIA 2024 มียอดซื้อทันทีกว่า 150 ล้านบาท และคาดว่าภายใน 1 ปี จะซื้อเพิ่มอีกประมาณ 500 ล้านบาท แถมเปิดตลาดข้าวใหม่อย่างเช่นมองโกเลีย อุซเบกิสถาน ซาอุดีอาระเบีย และปาเลสไตน์

นายรณรงค์ พูลพิพัฒน์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยถึงผลการจัดแสดงสินค้าข้าวไทยโดยกรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ ในงานแสดงสินค้าอาหาร THAIFEX – ANUGA ASIA 2024 ระหว่างวันที่ 28 พฤษภาคม – 1 มิถุนายน 2567 ซึ่งกรมฯ ได้นำผู้ประกอบการค้าข้าวคุณภาพดีจากหลากหลายจังหวัดที่เป็นแหล่งเพาะปลูกข้าวที่สำคัญของไทย เข้าร่วมจัดแสดงและจำหน่ายสินค้าในคูหากรมฯ ว่าในปีนี้ได้รับความสนใจจากผู้ซื้อ ผู้นำเข้าจากประเทศต่างๆ เป็นอย่างมาก เช่น จีน มาเลเซีย ฮ่องกง สิงคโปร์ บังกลาเทศ ฝรั่งเศส แคนาดา ออสเตรเลีย และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ รวมถึงตลาดใหม่อย่างเช่น มองโกเลีย อุซเบกิสถาน ซาอุดีอาระเบีย และปาเลสไตน์ นอกจากนี้ ยังได้ออเดอร์จากผู้ประกอบการธุรกิจโรงแรมและร้านอาหารในไทย โดยได้รับคำสั่งซื้อภายในงานทันทีมูลค่ากว่า 150 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนร้อยละ 56.25 และคาดว่าจะมีคำสั่งซื้อภายในระยะเวลา 1 ปี มูลค่าประมาณ 500 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนร้อยละ 66.67 เป็นการสร้างรายได้และขยายช่องทางการตลาดให้ผู้ประกอบการรายเล็กตามนโยบายของนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์

นอกจากนี้ กิจกรรมสาธิตการทำอาหารจากข้าวไทยในคูหากรมฯ ภายใต้ concept “Taste the Authentic Thai Cuisine with Premium Thai Rice” ได้รับผลตอบรับดีเกินคาด มีผู้เข้าเยี่ยมชมทั้งภายในงานและผ่านช่องทางออนไลน์กว่า 74,000 ราย ซึ่งการจัดกิจกรรประชาสัมพันธ์ข้าวไทยในงานแสดงสินค้าอาหาร THAIFEX นอกจากจะช่วยเพิ่มโอกาสการค้าข้าวของไทยแล้ว ยังเป็นการสร้างความเชื่อมั่นและแสดงศักยภาพของไทย ในฐานะผู้ผลิตและผู้ส่งออกข้าวคุณภาพของโลก

อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กล่าวเพิ่มเติมว่า ในช่วง 5 เดือนแรกของปี 2567 (มกราคม – พฤษภาคม) ไทยส่งออกข้าวประมาณ 4.60 ล้านตัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 32.18 และมีมูลค่าประมาณ 106,283 ล้านบาท (ประมาณ 2,957 ล้านเหรียญสหรัฐฯ) เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 64.59 เป็นผลมาจากประเทศผู้นำเข้าข้าวยังคงมีความต้องการนำเข้าข้าวเพื่อเพิ่มสต็อกข้าวภายในประเทศ และจากสภาพอากาศที่แปรปรวนซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อปริมาณผลผลิตข้าว ทำให้หลายประเทศกังวลว่าจะมีข้าวไม่เพียงพอต่อความต้องการบริโภคในประเทศและได้นำเข้าข้าวเพิ่มขึ้น ประกอบกับอินเดียยังคงมีมาตรการควบคุมการส่งออกข้าว อีกทั้งยังมีแรงหนุนจากค่าเงินบาทอ่อนค่าอยู่ในช่วง 36 – 37 บาทต่อเหรียญสหรัฐฯ ทำให้ราคาข้าวไทยอยู่ในระดับที่แข่งขันได้ โดยผู้นำเข้าข้าวสำคัญของไทย ได้แก่ อินโดนีเซีย อิรัก สหรัฐอเมริกา ฟิลิปปินส์ และแอฟริกาใต้ จึงคาดการณ์ว่าในปี 2567 จะสามารถส่งออกข้าวได้เกินเป้าหมายที่กำหนดไว้ที่ 7.5 ล้านตัน อย่างไรก็ดี กรมฯ จะติดตามการค้าข้าวโลกอย่างใกล้ชิดโดยเฉพาะมาตรการควบคุมการส่งออกข้าวภายหลังการเลือกตั้งของอินเดียเพื่อประเมินสถานการณ์และหารือสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทยเพื่อปรับเป้าหมายการส่งออกข้าวต่อไป