Champion Products สมุนไพร 4 ชนิด ตอบโจทย์ศักยภาพสมุนไพรเพื่อเศรษฐกิจไทยที่ยั่งยืน

นายแพทย์เกียรติภูมิ วงศ์รจิต อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก

กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ร่วมกับองค์กร และมหาวิทยาลัยต่าง ๆ  จัดประชุมวิชาการสมุนไพรแห่งชาติ พ.ศ. 2561 ภายใต้แนวคิด “ศักยภาพสมุนไพรเพื่อเศรษฐกิจไทยที่ยั่งยืน” นายแพทย์เกียรติภูมิ วงศ์รจิต อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กล่าวว่า การจัดงานในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อเป็นเวทีให้นักวิชาการ ผู้ประกอบการและหน่วยงานที่ให้ทุนในการศึกษาวิจัย ที่มีความสนใจในการพัฒนาผลิตภัณฑ์สมุนไพรมีโอกาสที่จะรับฟังความก้าวหน้าในการวิจัยและพัฒนาสมุนไพรต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสมุนไพรในกลุ่ม Champion Products” 4 ชนิด ได้แก่ กระชายดำ ไพร บัวบก และขมิ้นชัน รวมทั้งสมุนไพรอื่น ๆ ที่มีศักยภาพที่จะพัฒนาในอนาคต ภายใต้แผนแม่บทแห่งชาติว่าด้วยการพัฒนาสมุนไพรฉบับที่ 1 ปี 2560 -2564

หน่วยงานต่าง ๆ ที่เข้าร่วมประชุม ตั้งแต่ต้นน้ำหรือผู้ปลูก คือ เกษตรกร ก็มาเล่าถึงความก้าวหน้าในการวิจัยและพัฒนาสายพันธุ์ การทำโซนนิ่ง ความเหมาะสมในการปลูกพื้นที่ไหนในประเทศ ส่วนกลางน้ำ คือ หน่วยงานทางด้านอุตสาหกรรมและมหาวิทยาลัย ว่ามีการวิจัยและพัฒนาจนถึงเป็นผลิตภัณฑ์ โดยทางปลายน้ำก็จะเป็นส่วนของผู้กำกับดูแลเชิงนโยบาย เช่น  กระทรวงพาณิชย์ที่เกี่ยวข้องกับการค้าสมุนไพร จึงได้ข้อสรุป Champion Products สมุนไพร 4 ชนิด นำไปสู่ “ศักยภาพสมุนไพรไทยจากงานวิจัยและพัฒนา”

กระชายดำ

กระชายดำเป็นที่รู้จักและมีการใช้กันมาอย่างยาวนาน โดยเฉพาะภูมิปัญญาพื้นบ้านของชาวเขาเผ่าม้ง ซึ่งนิยมใช้กระชายดำกินเพื่อแก้ปวดเมื่อย อ่อนเพลีย ขับลม แก้ท้องอืดท้องเฟ้อ ช่วยให้ร่างการกระชุ่มกระชวย กระตุ้นสมรรถภาพทางเพศชาย และใช้เป็นอายุวัฒนะ

มีผลงานวิจัยกระชายดำเพื่อเป็นข้อมูลประกอบการพิจารณา Champion Product โดย ผศ.ดร.คัทลียา เมฆจรัสกุล และทีมงานคณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ดร.ศรัญญา ตันติยาสวัสดิกุล และทีมงานคณะเภสัชศาสตร์  มหาวิทยาลัยขอนแก่น ได้วิจัยในประเด็น ต่างๆ คือ

มาตรฐานและฤทธิ์ทางชีวภาพของสารสกัดกระชายดำ มีรายงานการศึกษาฤทธิ์ทางชีวภาพของสารสกัดกระชายดำ พบว่า ฤทธิ์ต้านอักเสบ ต้านเชื้อจุลินทรีย์ ต้านภูมิแพ้ ลดความอ้วน ขยายหลอดเลือด เพิ่มการไหลเวียนเลือด เพิ่มสมรรถนะทางเพศชาย ลดภาวะซึมเศร้า ต้านสภาวะเครียด การศึกษาความปลอดภัยในการใช้สารสกัดกระชายดำพบว่ามีความปลอดภัย นอกจากนี้ผลการศึกษาทางคลินิกยังพบว่า แคปซูลสารสกัดกระชายดำสามารถเพิ่มสมรรถนะทางกายในนักเรียนกีฬาและอาสาสมัครสูงวัยได้อย่างปลอดภัย แสดงให้เห็นว่ากระชายดำในรูปแบบสารสกัดกระชายดำมีปริมาณสารสำคัญกลุ่มฟลาโวนอยด์ในปริมาณที่สูง ได้รับการศึกษาทางวิทยาศาสตร์ยืนยันฤทธิ์ทางเภสัชวิทยารวมทั้งความปลอดภัยในการใช้ ดังนั้นกระชายดำจึงเป็นพืชสมุนไพรหนึ่งที่มีศักยภาพและมีมูลค่าสูงเชิงพาณิชย์

การวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนประกอบของสารสกัดกระชายดำ กระชายดำเริ่มเป็นที่รู้จักและมีการกล่าวอ้างว่าใช้เพิ่มสมรรถนะทางเพศในบุรุษได้ดีไม่แพ้ไวอะกร้า จึงทำให้กระชายดำเป็นที่ต้องการของตลาดสมุนไพรทั้งภายในและภายนอกประเทศ จนเป็นพืชเศรษฐกิจที่น่าสนใจ คณะผู้วิจัยจึงได้วิจัยและพัฒนาสมุนไพรกระชายดำให้เป็นผลิตภัณฑ์ในรูปแบบยาเตรียมจากสมุนไพรที่มีมาตรฐานเป็นสากล มีความเชื่อถือได้และสะดวกใช้ ทำให้มีผลงานตีพิมพ์เผยแพร่ในฐานข้อมูลระดับนานาชาติ และยังได้พัฒนาเทคโนโลยีมาใช้ในการเตรียมผลิตภัณฑ์จากสารสกัดกระชายดำจนจดสิทธิบัตรและอนุสิทธิบัตร ได้แก่ ยาเม็ด แคปซูลแกรนูลฟองฟู่ และสเปรย์สำหรับสำหรับใช้ในช่องปาก

แต่กระชายดำ มีข้อจำกัดทางด้านการดูดซึมเมื่อให้ทางการรับประทาน จึงมีการพัฒนารูปแบบผลิตภัณฑ์เพื่อเพิ่มการนำส่งสารสำคัญเข้าสู่ร่างกายได้มากยิ่งขึ้นโดยอาศัย นาโนเทคโนโลยีเพื่อเพิ่มชีวประสิทธิผลของสารสกัดกระชายดำ ระบบการนำส่งทางผิวหนังจึงเป็นทางเลือกที่น่าสนใจในการนำส่งสารสกัดกระชายดำเข้าสู่ร่างกาย ซึ่งมีข้อดีหลายประการ ได้แก่ สามารถหลีกเลี่ยงการทำลายยาที่ตับ สามารถนำส่งเข้ากระแสเลือดได้โดยตรง ออกฤทธิ์ได้เนิ่นนาน สะดวกสบายในการใช้

ด้านศูนย์อำนวยการแพทย์พระมงกุฎเกล้า โดย พล.ท.นพ. สายัญห์ สวัสดิ์ศรี และคณะได้ศึกษาประสิทธิภาพและความปลอดภัยของสารสกัดมาตรฐานกระชายดำในผู้ชายที่เป็นโรคหย่อนสมรรถภาพทางเพศ : ปกปิดสองทางเทียบกับยาหลอก พบว่าสารสกัดกระชายดำอาจเป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการรักษาโรคหย่อนสมรรถภาพทางเพศ และขยายผลของผลิตภัณฑ์สมุนไพรกระชายดำจากตำรับยาแผนโบราณ สู่ตลาดสมุนไพรเพื่อสุขภาพทางเพศ ส่งผลให้มีมูลค่าเพิ่มในเชิงพาณิชย์ เกิดรายได้กับเกษตรกร และผู้ประกอบการผลิตในประเทศ

ด้านคณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ โดย ผศ.ดร.สมบัติ อ่อนศิริ และคณะได้ศึกษาผลของสารสกัดกระชายดำที่มีผลต่อความทนทานของระบบไหลเวียนเลือดของกีฬา พบว่าสารสกัดกระชายดำไม่สามารถเพิ่มระยะเวลาจุดเริ่มล้าในนักกีฬาได้ภายในระยะเวลา 12 สัปดาห์ แต่มีแนวโน้มที่ระยะเวลาจุดเริ่มล้าจะเพิ่มขึ้นได้ และสารสกัดกระชายดำสามารถช่วยให้นักกีฬามีระยะฟื้นตัวหลังการออกกำลังกายเร็วขึ้น

ไพล

ดร.ศิริวรรณ ทับทิมเกศ ผู้อำนวยการศูนย์เชี่ยวชาญนวัตกรรมผลิตภัณฑ์สมุนไพร สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.)

ดร.ศิริวรรณ ทับทิมเกศ ผู้อำนวยการศูนย์เชี่ยวชาญนวัตกรรมผลิตภัณฑ์สมุนไพร สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) ได้กล่าวถึง “ไพล” ว่า “ไพล” เป็นพืชแรก ๆ ที่วิจัยจากองค์ความรู้แพทย์พื้นบ้าน ตำรายาไทย สมัยก่อนเราต้องใช้ไพลมานาบกับตัวแก้ปวดเมื่อย เราก็เอาองค์ความรู้นั้นมาใช้วิทยาศาสตร์เทคโนโลยีสกัดเป็นน้ำมันไพล แล้วก็นำมาพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์ ซึ่งมีการพิสูจน์ฤทธิ์โดยการไปทดสอบประสิทธิภาพในการต้านการอักเสบโดยใช้สัตว์ทดลอง พบว่ามีฤทธิ์ต้านการอักเสบ หลังจากนั้นเราก็พัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์ เป็นครีมเพื่อให้ใช้ง่าย สมัยก่อนเราต้องเอาไพลไปอังกับไฟให้ร้อนแล้วนำมานาบตัว ปัจจุบันพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์ที่ใช้สะดวก โดยต้องทดสอบความปลอดภัย เช่น ใช้แล้วระคายเคืองผิวไหม แล้วก็ไปทดสอบกับผู้ป่วยในโรงพยาบาล ที่เรียกว่าการศึกษาขั้นคลินิก พบว่ามีประสิทธิภาพที่ดีเทียบเท่ากับยาแผนปัจจุบัน

ครีมไพลชั้นแรกที่เราพัฒนา ชื่อว่า “ครีมไพลจีซาล” ซึ่งเราถ่ายทอดเทคโนโลยีให้กับองค์การเภสัชกรรม ผลิตและจำหน่าย ครีมไพลจีซาล ได้ขึ้นเป็นบัญชียาหลักชาติ เนื่องจากประโยชน์หลากหลายของไพล สถาบันวิจัยฯ ก็ได้พัฒนาผลิตภัณฑ์อื่น ๆ อีกหลากหลายชนิด มีทั้ง เอาไพลมาผสมกับขิง ทาแก้ปวดคอ สกัดน้ำมันหอมระเหยจากลูกประคบ  พัฒนาให้อยู่ในรูปเจล ทาแก้ปวดเมื่อย ผลิตภัณฑ์น้ำยาบ้วนปาก ยาแต้มสิว ผลิตภัณฑ์ทางด้านสปา เช่น พอกหน้า พอกตัว ครีมสครับขัดผิว เนื่องจากว่า ไพลมีประสิทธิภาพต้านอนุมูลอิสระ มีการยับยั้งเอนไซม์ไทโรซิเนส ซึ่งทำให้เม็ดสีเข้ม ใช้ไพลจะต้านอนุมูลอิสระ ทำให้ผิวขาวขึ้น นำไพลไปใช้ในผลิตภัณฑ์สปาได้ ทำเป็นเครื่องสำอางได้

ขณะเดียวกันกับการทำวิจัยเราก็ไปสนับสนุนให้เกษตรกรปลูกไพล แล้วเราก็ตั้งโรงกลั่น มีเครื่องกลั้นเล็ก ๆ ไปส่งเสริมให้ชาวบ้าน กลั้นในพื้นที่อำเภอวังน้ำเย็น ชาวบ้านก็จะมีรายได้เพิ่มขึ้น และน้ำมันไพลมาส่งให้กับผู้ประกอบการ เช่น องค์การเภสัช ในส่วนของสถาบันวิจัยฯ ก็รับตรวจวิเคราะห์ว่าน้ำมันไพลว่าน้ำมันไพลมีคุณภาพหรือไม่ เป็นการส่งเสริมการสร้างรายได้ของชุมชน

บัวบก

บัวบกด้วยภูมิปัญญาดั้งเดิมของไทยที่กล่าวถึงสรรพคุณของบัวบกว่า มีฤทธิ์สมานแผล แก้ช้ำในและร้อนใน

รศ.ภญ.ดร. มยุรี ตันติสิระ คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา

ผศ.ภก.ดร.พิสิฐ เขมาวุฆฒ์ คณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

ประสิทธิศักย์ในการรักษาแผลร้อนในของสารสกัดมาตรฐานบัวบก อีซีเอ 233 วิจัยโดยทีมงาน รศ.ภญ.ดร. มยุรี ตันติสิระ คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา ได้วิจัยศึกษาว่าสารสกัดมาตรฐานบัวบก อีซีเอ 233 ในรูปของยาป้ายปากจะมีผลในการรักษาแผลร้อนในหรือไม่ จากการศึกษาพบว่า ยาป้ายปากที่มีอีซีเอ 0.05% มีผลลดความเจ็บปวด ลดการอักเสบ ลดขนาดแผล และเร่งการหายของแผลร้อนในได้ บ่งบอกได้อย่างชัดเจนว่า ยาป้ายปากที่มีตัวยาหลักเป็นสารสกัดจากบัวบก มีประสิทธิศักย์ในการรักษาแผลร้อนในได้ ไม่แตกต่างจากยาป้ายปากที่มีตัวยาหลักเป็นยาแผนปัจจุบันที่เป็นยาในกลุ่มสเตอรอยด์ แต่มีความปลอดภัยที่สูงกว่า นิสิตจากสถาบันบัณฑิตบริหารธุรกิจ ศศินทร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยได้นำผลงานดังกล่าวไปทำเป็นแผนธุรกิจประกวด และได้รับรางวัลชนะเลิศในการประกวดแผนธุรกิจนานาชาติที่สหรัฐอเมริกาในปี พ.ศ.2553 แสดงให้เห็นถึงศักยภาพในเชิงพาณิชย์ของผลิตภัณฑ์ยาป้ายปากดังกล่าวได้เป็นอย่างดี

ในส่วนของ ผลิตภัณฑ์ในเชิงพาณิชย์จากสารสกัดมาตรฐานบัวบก อีซีเอ 233 โดยคุณรัชดา ตันติธาดาพิทักษ์ อริยะ ไชยสวัสดิ์ จากบริษัท Siam Herbal Innovation และ บริษัท Nature idea

สืบเนื่องจากการที่คณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้พัฒนากระบวนการเตรียมสารสกัดมาตรฐานบัวบกที่มีความสม่ำเสมอของสารสำคัญและปราศจากสี ที่เรียกชื่อเฉพาะว่า อีซีเอ 233 พร้อมทั้งมีงานวิจัยฤทธิ์ในเชิงเภสัชวิทยา ที่แสดงถึงฤทธิ์การเร่งการสมานแผลและฤทธิ์ในการลดการอักเสบของ อีซีเอ 233 ซึ่งต่อมา บริษัท สยาม เฮอร์บอล อินโนเวชั่น ได้นำเทคโนโลยีไปต่อยอดเป็นการผลิตในเชิงอุตสาหกรรม ผลิต อีซีเอ 233 เพื่อเป็นวัตถุดิบคุณภาพของผลิตภัณฑ์สุขภาพ เครื่องสำอางและยาพัฒนาจากสมุนไพร บริษัท เนเจอร์ ไอเดีย จำกัด จึงได้เริ่มนำเอาสารสกัดดัหล่าวมาใช้ในผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง

สำหรับปัญหาผิวที่คนไทยเป็นกังวล ได้แก่ ริ้วรอย ผิวมีผื่นแพ้ได้ง่าย ปัญหาสิว และสีผิวคล้ำ ไม่สม่ำเสมอ จากนั้นจึงพัฒนาผลิตภัณฑ์โดยใช้สารสกัดสมุนไพรที่สามารถตอบโจทย์เหล่านั้น และได้ออกมาเป็น Vital Bright Serum ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่มีส่วนผสมของ อีวีเอ 233 ร่วมกับสารสกัดสมุนไพรชนิดอื่น เช่น สารสกัดมังคุดและมะขามป้อม พบว่าเมื่อใช้อย่างต่อเนื่อง และผิวดูเรียบเนียนขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ภายใน 4 สัปดาห์ ปัจจุบันบริษัทมีผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง La Vita ซึ่งมีส่วนผสมของ ECa 233 จำนวน 8 ชนิด ในจำนวนนี้มีผลิตภัณฑ์ 5 ชนิด ที่ได้รับรางวัล Premium Award ด้านผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง จากกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กระทรวงสาธารณสุขประจำปี 2560 และผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางบำรุงผิว ของบริษัทที่ได้รับรางวัลเชิดชูเกียรติผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางสมุนไพรดีเด่นระดับชาติปี 2560 (Prime Minister Award) จากนายกรัฐมนตรี ก็คือ Vital Bright Serum

ต่อมาบริษัท เนเจอร์ไดเดีย ได้พัฒนาผลิตภัณฑ์ เพื่อลดการเกิดแผลเป็นโดยออกแบบผลิตภัณฑ์ที่มีสว่นปสมของ อีซีเอ 233 ที่มีชื่อว่า Scar Care และได้รับความร่วมมือกับคณะผู้วิจัยจากคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี ศึกษาประสิทธิผลของเจล Scar Care ดังกล่าวต่อการสมานแผลในผู้ป่วยแผลถลอก โดยได้รับทุนสนับสนุนการวิจัยจากโปรแกรมสนับสนุนการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม (ITAP)

การวิจัยครั้งนี้พบว่า แผลถลอกที่ได้รับการทาด้วย Scar Care ได้ผลการรักษาที่ดีกว่าเจลพื้นอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ เมื่อประเมินจาก ความลึกของแผล ขอบแผล ลักษณะเนื้อตาย ปริมาณเนื้อตาย สีของผิวหนังรอบแผล การแข็งตัวของเนื้อเยื่อ เนื้อเยื่อ Granulation และลักษณะ Epithelial

ขมิ้นชัน

ดร.ภญ.นันทกาญจน์ สุวรรณปิฎกกุล ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและพัฒนา องค์การเภสัชกรรม ให้ข้อมูลเกี่ยวกับขมิ้นชัน ว่า เราได้พัฒนาสมุนไพรขมิ้นชันให้เป็นสารสกัดแล้วก็ทำมาเป็นแคปซูลรับประทาน ภายใต้ผลิตภัณฑ์ชื่อ แอนติออกซ์(antiox) เริ่มตั้งแต่ขบวนการเพราะปลูกวัตถุดิบ นำวัตถุดิบมาแปรรูป มาทำเป็นสารสกัด ซึ่งองค์การเภสัชกรรมมีโรงงานสารสกัดที่ได้รับมาตรฐาน GMP นำมาพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์ และก็จำหน่าย

ผลิตภัณฑ์ของเรามีการศึกษาทางพรีเคนิคอลและทางเคนิคอล เพื่อดูเกี่ยวกับความปลอดภัย และประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์ เมื่อประชาชนหรือผู้บริโภคจะเลือกซื้อผลิตภัณฑ์สมุนไพรมาใช้ ถ้าให้ปลอดภัยและมั่นใจที่สุด เพราะเป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนจาก อย.

รศ.พญ.วิไล  คุปต์นิรัติศัยกุล ภาควิชาเวชศาสตร์ฟื้นฟู โรงพยาบาลศิริราช เป็นผู้ศึกษาเคนิคอลไทม์ ในการบรรเทาอาการ การปวดอักเสบของข้อเข่าเสื่อม พบว่าการนำสมุนไพรมาใช้ในทางการแพทย์แผนปัจจุบัน  จำเป็นต้องผ่านการทำวิจัยจากห้องปฏิบัติการ ทั้งด้านส่วนประกอบ ปริมาณ และการออกฤทธิ์ของสมุนไพร หนึ่งในสมุนไพรที่สามารถลดการอักเสบของข้อเข่าได้คือ สารสกัดขมิ้นชัน

จากการวิจัยของภาควิชาเวชศาสตร์ฟื้นฟู  เราให้ผู้ป่วยรับประทานสารสกัดขมิ้นชัน ซึ่งผ่านการสกัดด้วยตัวทำละลาย แยกเฉพาะสารที่ออกฤทธิ์เท่านั้น  โดยรับประทานครั้งละ  2 เม็ด 3 เวลา  เม็ดละ 250 มก. รวมวันละ 1,500 มก. รับประทานต่อเนื่องไม่เกิน 4 สัปดาห์ พบว่าผู้ป่วยที่ได้รับสารสกัดกลุ่มขมิ้นชันมีคะแนนปวดลดลง ตึงข้อลดลง และคะแนนการใช้งานข้อเข่าเพิ่มขึ้น และมีความปลอดภัยกว่า

กลุ่มยาต้านการอักเสบ Ibuprofen ในเรื่องอาการปวดท้อง ท้องอืดที่พบน้อยกว่า อีกทั้งผลการเจาะเลือดก็มีความปลอดภัย  ทั้งปริมาณเม็ดเลือดขาว เม็ดเลือดแดง  หน้าที่ตับและหน้าที่ไต  เมื่อเปรียบเทียบก่อน-หลังรับประทานยา

โดยสรุปสารสกัดขมิ้นชันมีประสิทธิภาพดี และมีความปลอดภัยเมื่อเทียบกับยาต้านการอักเสบ Ibuprofen  แต่ไม่ควรรับประทานยานานต่อเนื่องยาวนาน  เพราะยากลุ่มนี้เป็นยาออกฤทธิ์ต้านการอักเสบ  หากการอักเสบทุเลาลงแล้วก็ควรจะเลิกรับประทาน

ปัจจุบันประชาชนส่วนใหญ่ก็จะนิยมที่จะบำรุงดูแลรักษาสุขภาพ ถ้าเราใช้พืชสมุนไพรมาใช้ในการบริโภค จะเป็นยาหรือเสริมอาหาร หรือใช้เป็นเครื่องสำอาง ถ้ามาจากธรรมชาติก็น่าจะปลอดภัยกว่าที่ทำมาจากสารเคมีการหันมานิยมใช้ผลิตภัณฑ์สมุนไพรที่มีคุณภาพของประเทศไทย ก็จะช่วยเรื่องสุขภาพ ปลอดภัย และเพื่อความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน ของประเทศได้