เปิดตัวข้าวโพดพันธุ์ใหม่ให้ผลผลิตสูง ทนแล้ง ต้านโรค ตอบทุกโจทย์ความต้องการเกษตรกร

กรมวิชาการเกษตร  ใช้เวทีประชุมวิชาการข้าวโพด ข้าวฟ่างแห่งชาติ ครั้งที่ 39 โชว์ผลงานวิจัยปรับปรุงพันธุ์ข้าวโพด 3 พันธุ์ใหม่  ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์คุณสมบัติโดดเด่น ให้ผลผลิตสูง ทนแล้ง และต้านทานโรค พร้อมเปิดตัวข้าวโพดข้าวเหนียวน้องใหม่ชัยนาท 2 เมล็ดมีสีขาวม่วง คุณภาพเหนียวนุ่ม  ถูกใจผู้บริโภค

นางสาวเสริมสุข สลักเพ็ชร์ อธิบดีกรมวิชาการเกษตร เปิดเผยว่า ปัญหาสภาวะฝนแล้งและการกระจายตัวของฝนไม่สม่ำเสมอ  เป็นปัญหาสำคัญของการผลิตข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ของไทย  ส่งผลให้ผลผลิตรวมของทั้งประเทศลดลง  การปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ที่มีความทนทานต่อสภาพแล้ง เหมาะสมกับฤดูปลูก รวมถึงมีอายุเก็บเกี่ยวที่เหมาะสมกับระบบการปลูกพืช เป็นแนวทางหนึ่งในการลดความเสียหายของผลผลิตข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในสภาพการกระจายของฝนที่ไม่แน่นอนได้

ศูนย์วิจัยพืชไร่นครสวรรค์ กรมวิชาการเกษตร ได้ดำเนินการศึกษาวิจัยพันธุ์ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ให้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการวิจัยและพัฒนาพันธุ์ให้มีความทนทานต่อสภาพแล้ง  เหมาะสมกับฤดูปลูก มีอายุเก็บเกี่ยวที่เหมาะสมกับระบบการปลูกพืช ต้านทานต่อโรคทางใบที่สำคัญ เพื่อเป็นทางเลือกให้เกษตรกร  โดยได้ดำเนินการคัดเลือกตามขั้นตอนปรับปรุงพันธุ์  จนประสบความสำเร็จได้พันธุ์ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์พันธุ์ใหม่จำนวน 2 พันธุ์ คือ ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ลูกผสมพันธุ์นครสวรรค์ 4  และข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ลูกผสมพันธุ์นครสวรรค์ 5 โดยข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ทั้ง 2 พันธุ์ได้ผ่านการพิจารณาเป็นพันธุ์รับรองของกรมวิชาการเกษตรแล้ว

ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ลูกผสมพันธุ์นครสวรรค์ 4 เป็นข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ลูกผสมเดี่ยว อายุยาว สามารถเก็บเกี่ยวเมื่ออายุ 110-120 วัน เกิดจากการผสมข้ามระหว่างข้าวโพดเลี้ยงสัตว์สายพันธุ์แท้ตากฟ้า 1 เป็นพันธุ์แม่ และข้าวโพดเลี้ยงสัตว์สายพันธุ์แท้ Nei 452006 เป็นพันธุ์พ่อ  ให้ผลผลิตสูงเฉลี่ย 1,092 กิโลกรัมต่อไร่  มีความทนทานแล้งในระยะออกดอก เก็บเกี่ยวด้วยมือง่าย สามารถปลูกได้ดีในพื้นที่ดอน ดินมีการระบายน้ำดี สภาพดินไม่เป็นกรด หรือด่างมากเกินไป

ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ลูกผสมพันธุ์นครสวรรค์ 5 เป็นข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ลูกผสมเดี่ยว อายุค่อนข้างสั้น สามารถเก็บเกี่ยวเมื่ออายุ 95-100 วัน ให้ผลผลิตสูงเฉลี่ย 1,176 กิโลกรัมต่อไร่ มีความทนทานแล้งในระยะออกดอก มีความต้านทานต่อโรคทางใบที่สำคัญ  ต้านทานโรคใบไหม้แผลใหญ่และโรคราสนิม  สามารถเก็บเกี่ยวได้เร็วขึ้นที่อายุ 95-100 วัน ฝักแห้งเร็ว หรือมีความชื้นขณะเก็บเกี่ยวน้อยกว่าพันธุ์อื่นๆ  ในขณะที่ต้นยังเขียวสด สามารถปลูกในพื้นที่หลังนาที่มีการให้น้ำชลประทาน  แหล่งปลูกที่เกษตรกรต้องการเก็บเกี่ยวผลผลิตเร็วเพื่อปลูกพืชตาม  หรือแหล่งปลูกที่มีการระบาดของโรคใบไหม้แผลใหญ่ในภาคเหนือของไทย

นอกจากนี้ ศูนย์วิจัยพืชไร่ชัยนาท กรมวิชาการเกษตร  ยังได้ประสบความสำเร็จในการศึกษาวิจัยปรับปรุงพันธุ์ ข้าวโพดข้าวเหนียวลูกผสมพันธุ์ชัยนาท 2  ซึ่งผ่านการพิจารณาเป็นพันธุ์รับรองของกรมวิชาการเกษตรเมื่อวันที่ 15 สิงหาคม  2562  โดยมีลักษณะเด่น คือ ให้ผลผลิตฝักทั้งเปลือก 2,132 กิโลกรัมต่อไร่ และฝักปอกเปลือก 1,306 กิโลกรัมต่อไร่  เมล็ดมีสีขาวม่วง เป็นที่นิยมของผู้บริโภค คุณภาพเหนียวนุ่ม เหมาะกับการรับประทานฝักสด  และปรับตัวได้ดีกับสภาพแวดล้อม

ทั้งนี้ กรมวิชาการเกษตรพร้อมที่จะเปิดตัวข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ลูกผสมพันธุ์ใหม่ทั้ง 2 พันธุ์และข้าวโพดข้าวเหนียวลูกผสมพันธุ์ชัยนาท 2 ในการประชุมวิชาการข้าวโพด-ข้าวฟ่าง ครั้งที่ 39  ซึ่งเป็นการจัดงานร่วมกันระหว่างกรมวิชาการเกษตร  กรมส่งเสริมการเกษตร  และมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์  ซึ่งการประชุมในปี 2562 นี้กรมส่งเสริมการเกษตรเป็นเจ้าภาพในการจัดงานระหว่างวันที่ 27 – 29 สิงหาคม 2562 ณ โรงแรมลพบุรี อินน์ รีสอร์ท จังหวัดลพบุรี  โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ข้อมูล ข่าวสาร ผลงานวิจัย และความรู้ใหม่ ๆ รวมถึงการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างบุคลากรในทุกภาคส่วนที่อยู่ในวงการข้าวโพดและข้าวฟ่างของประเทศไทย

………………………………………………………

ข่าว : กรมวิชาการเกษตร

วันที่ 23 สิงหาคม  2562